มื่อวันที่ 24 ธันวาคม พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. ได้ทำหนังสือมีคำสั่งที่ 460/2558 ลงวันที่ 23 ธันวาคม 2558 สั่งการให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ มีกำหนด 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง โดยให้เดินทางไปรายงานตัวเพื่อปฏิบัติหน้าที่ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 24 ธันวาคม 58 ก่อนเวลา 12.00 น. เพื่อให้การบริหารงานของกองบัญชาการตำรวจนครบาล เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ
ดังนั้น จึงอาศัยอำนาจตามความนัยมาตรา 74 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547,ระเบียบ ก.ต.ช.ว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติราชการของผู้บัญชาการในฐานะเป็นอธิบดีหรือแห่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2551 และแก้ไข้เพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2555 และระเบียบ ตร.ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปปฎิบัติราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2552 จึงสั่งการ ดังนี้ 1.พ.ต.ท.สาโรจน์ เพ็ญสูตร์ สว.จร.สนโชคชัย 2.ร.ต.อ.กษิดิ์พัศ บุตรมาลา รองสว.จร.สน.โชคชัย โดยทั้ง 2 รายนี้ ปฏิบัติราชการที่ ศูนย์ปฏิบัติการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศปก.น.) มีกำหนด 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ เนื่องจากตำรวจทั้งสองนายบกพร่องในหน้าที่ โทษฐานปล่อยปละละเลยให้เกิดการจราจรติดขัดโดยปล่อยให้มีรถจอดกีดขวางทางจราจรในพื้นที่ดูแล จึงต้องลงโทษเพื่อเป็นตัวอย่างแก่ตำรวจท่านอื่น เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัด และตำรวจท่านใดที่ไม่ใส่ใจปล่อยให้มีรถมาจอดกีดขวางทางจราจรทำให้เกิดรถติดก็จะมีลงโทษเช่นกัน โดยได้กำชับทุกพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแก้ไขดูแลเรื่องการจราจรอย่างเร่งด่วน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ศานิตย์ ได้กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมติดตามผลการปฏิบัติบริหารงานจราจรในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยมี พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.มงคล วรุณโณ ผบก.จร. รอง ผบก.1-9 ผกก. รอง ผกก.จร. ทั้ง 88 สน. ร่วมประชุมว่า ขอความร่วมมือกับ ระดับรอง ผบก.1-9 ที่รับผิดชอบงานจราจร ผกก. ทุกโรงพักใน บช.น. ให้ช่วยกันปฏิบัติอำนวยการจราจรอย่างแท้จริง คนใดที่ออกมาทำงานแล้วจะชมเชย โดยจะบันทึกผลการลงพื้นที่ปฏิบัติสัปดาห์ต่อสัปดาห์ หากพบพื้นที่ใดมีตัวเลขต่ำจะกำชับให้เข้มงวดขึ้น และหากพบว่ายังมีการปล่อยปละละเลย จะให้ใบเหลืองตักเตือน ส่วนมาตรการลงโทษขั้นตอนสุดท้าย คือ ให้มาประจำโบกรถเป่านกหวีด ที่หน้า บช.น.
ดังนั้น จึงอาศัยอำนาจตามความนัยมาตรา 74 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547,ระเบียบ ก.ต.ช.ว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติราชการของผู้บัญชาการในฐานะเป็นอธิบดีหรือแห่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2551 และแก้ไข้เพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2555 และระเบียบ ตร.ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปปฎิบัติราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2552 จึงสั่งการ ดังนี้ 1.พ.ต.ท.สาโรจน์ เพ็ญสูตร์ สว.จร.สนโชคชัย 2.ร.ต.อ.กษิดิ์พัศ บุตรมาลา รองสว.จร.สน.โชคชัย โดยทั้ง 2 รายนี้ ปฏิบัติราชการที่ ศูนย์ปฏิบัติการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศปก.น.) มีกำหนด 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ เนื่องจากตำรวจทั้งสองนายบกพร่องในหน้าที่ โทษฐานปล่อยปละละเลยให้เกิดการจราจรติดขัดโดยปล่อยให้มีรถจอดกีดขวางทางจราจรในพื้นที่ดูแล จึงต้องลงโทษเพื่อเป็นตัวอย่างแก่ตำรวจท่านอื่น เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัด และตำรวจท่านใดที่ไม่ใส่ใจปล่อยให้มีรถมาจอดกีดขวางทางจราจรทำให้เกิดรถติดก็จะมีลงโทษเช่นกัน โดยได้กำชับทุกพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแก้ไขดูแลเรื่องการจราจรอย่างเร่งด่วน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ศานิตย์ ได้กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมติดตามผลการปฏิบัติบริหารงานจราจรในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยมี พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.มงคล วรุณโณ ผบก.จร. รอง ผบก.1-9 ผกก. รอง ผกก.จร. ทั้ง 88 สน. ร่วมประชุมว่า ขอความร่วมมือกับ ระดับรอง ผบก.1-9 ที่รับผิดชอบงานจราจร ผกก. ทุกโรงพักใน บช.น. ให้ช่วยกันปฏิบัติอำนวยการจราจรอย่างแท้จริง คนใดที่ออกมาทำงานแล้วจะชมเชย โดยจะบันทึกผลการลงพื้นที่ปฏิบัติสัปดาห์ต่อสัปดาห์ หากพบพื้นที่ใดมีตัวเลขต่ำจะกำชับให้เข้มงวดขึ้น และหากพบว่ายังมีการปล่อยปละละเลย จะให้ใบเหลืองตักเตือน ส่วนมาตรการลงโทษขั้นตอนสุดท้าย คือ ให้มาประจำโบกรถเป่านกหวีด ที่หน้า บช.น.
