เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ตลาดหุ้นไทยเปิดซื้อขายภาคเช้า ดัชนีดิ่งลงอย่างหนักตั้งแต่เปิดตลาด ตามแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบโลกที่ทรุดต่อเนื่อง โดยล่าสุดไหลลงมาที่ 35.62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำจุดต่ำสุดในรอบ 7 ปีอีกครั้ง ทำให้มีแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะหุ้น ปตท. ที่มีน้ำหนักในตลาดหุ้นไทยกว่าร้อยละ 5 และยังมีเรื่องการปรับพอร์ตหุ้นธนาคารกรุงเทพ (BBL) หลังจากที่จะถูกถอดออกจาก MSCI Emerging Market ซึ่งจะมีผลในวันนี้ นอกจากนี้นักลงทุนยังให้ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) โดยเฟดจะมีการประชุมในวันพรุ่งนี้ ทำให้ความหวาดกลัวการขึ้นดอกเบี้ยทวีความรุนแรงมากขึ้น
ส่งผลให้ดัชนีเปิดตลาดที่ 1,261.89 จุด ลดลง 19.03 จุด หรือคิดเป็น 1.49% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1,451.74 ล้านบาท ล่าสุดเมื่อเวลา 10.53 น. ดัชนีตลาดหุ้นยังคงร่วงลงอย่างหนักลงมาที่ 1,255.91 จุด ลดลง 25.01 จุด โดยมีปริมาณการซื้อขาย 12,530.17 ล้านบาท
นักวิเคราะห์คาดว่า ตลาดหุ้นไทยที่ร่วงลงเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ที่ต่างปรับตัวลงเฉลี่ยกว่าร้อยละ 1 ภายหลังราคาน้ำมันตลาดโลกปรับลดลง มีผลต่อหุ้นกลุ่มพลังงานและความกังวลการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่กลุ่ม ICT ยังกังวลการประมูล 4G คลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ ที่อาจมีราคาประมูลสูง
ทั้งนี้ ให้แนวรับที่ 1,260-1,250 จุด ส่วนแนวต้าน อยู่ที่ 1,275 จุด โดยตลาดยังมีความผันผวน
ส่งผลให้ดัชนีเปิดตลาดที่ 1,261.89 จุด ลดลง 19.03 จุด หรือคิดเป็น 1.49% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1,451.74 ล้านบาท ล่าสุดเมื่อเวลา 10.53 น. ดัชนีตลาดหุ้นยังคงร่วงลงอย่างหนักลงมาที่ 1,255.91 จุด ลดลง 25.01 จุด โดยมีปริมาณการซื้อขาย 12,530.17 ล้านบาท
นักวิเคราะห์คาดว่า ตลาดหุ้นไทยที่ร่วงลงเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ที่ต่างปรับตัวลงเฉลี่ยกว่าร้อยละ 1 ภายหลังราคาน้ำมันตลาดโลกปรับลดลง มีผลต่อหุ้นกลุ่มพลังงานและความกังวลการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่กลุ่ม ICT ยังกังวลการประมูล 4G คลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ ที่อาจมีราคาประมูลสูง
ทั้งนี้ ให้แนวรับที่ 1,260-1,250 จุด ส่วนแนวต้าน อยู่ที่ 1,275 จุด โดยตลาดยังมีความผันผวน