นายชวลิต พิชาลัย รองปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาแอลพีจีในต้นปีหน้ายังขึ้นอยู่กับราคาแอลพีจีในตลาดโลก แต่เบื้องต้นได้รับรายงานจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) คาดว่ามีข่าวดีในปีหน้า (2559) ราคาแอลพีจีจะขยับลดลงได้ เพราะสาเหตุสำคัญมาจากปรากฏการณ์เอลนิโย่ ที่ทำให้อุณภูมิของโลกมีความร้อนมากขึ้น และส่งผลให้ความต้องการใช้แอลพีจีเป็นเชื้อเพลิงเพื่อทำความอบอุ่นในแถบประเทศเมืองหนาว อย่างยุโรป สหรัฐอเมริกาลดลง ส่วนราคาขายปลีกเอ็นจีวี ที่ขณะนี้อยู่ที่ระดับ 13.50 บาทต่อกิโลกรัม และราคาขายปลีกเอ็นจีวีสำหรับรถสาธารณะอยู่ที่ 10 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งมีต้นทุนราคาเอ็นจีวีอยู่ที่ประมาณ 14.50 บาทต่อกิโลกรัมนั้น คาดว่าแนวโน้มราคาเอ็นจีวีช่วงไตรมาสแรกในปีหน้า ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในระดับทรงตัว และอาจลดลงที่ประมาณ 14 บาทต่อกิโลกรัมได้ แต่อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าราคาเอ็นจีวีจะต้องมีการพิจารณาเพื่อให้ราคาสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงเช่นเดียวกันกับเชื้อเพลิงชนิดอื่น ขณะที่แนวโน้มราคาน้ำมันในโลกปีหน้า คาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 53 - 56 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
นายชวลิต กล่าวเพิ่มเติมว่าขณะนี้ทางกระทรวงพลังงาน อยู่ระหว่างเตรียมเสนอร่างแก้ไขพระราชบัญญัติปิโตรเลียม และ พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ.2514 เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาในวันที่ 8 ธันวาคมนี้ หลังจากผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้ว
นายชวลิต กล่าวเพิ่มเติมว่าขณะนี้ทางกระทรวงพลังงาน อยู่ระหว่างเตรียมเสนอร่างแก้ไขพระราชบัญญัติปิโตรเลียม และ พระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ.2514 เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาในวันที่ 8 ธันวาคมนี้ หลังจากผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้ว