นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพฤศจิกายน 2558 โดย ผู้บริโภครู้สึกว่า ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย และหวังว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับมาฟื้นตัวได้อนาคต เห็นได้จากดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมในเดือนพฤศจิกายน ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 มาอยู่ที่ 63.4 ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ในเดือนพฤศจิกายนอยู่ที่ 74.6 ดีขึ้นจาก 73.4 ในเดือนก่อนหน้า แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเริ่มเป็นขาขึ้น เนื่องจากดัชนีปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2
นอกจากนี้ ดัชนีทุกรายการปรับดีขึ้นเช่นกัน โดยปัจจัยบวกมาจาก การคาดการณ์เศรษฐกิจจากหลายหน่วยงานที่คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวดีขึ้น รวมถึงราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศที่ปรับลดลง และอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังคงอยู่ที่ 1.5% แต่ยังมีปัจจัยลบที่กระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคคือ การก่อการร้ายในประเทศฝรั่งเศส รวมถึงภารรวมการส่งออกที่ยังคงติดลบ และราคาพืชผลทางการเกษตรที่ตกต่ำ ทำให้ประชาชนกังวลค่าครองชีพ และราคาสินค้า ว่ายังอยู่ในระดับสูง เพราะรายได้ไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพ ประกอบกับเศรษฐกิจโลกค่อยๆฟื้นตัว ส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศต่างๆ และความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายของผู้บริโภค
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยประเมินด้วยว่า ไตรมาส 4 ปีนี้ เศรษฐกิจจะขยายตัวได้ 3.3-3.6% ซึ่งขึ้นอยู่กับเม็ดเงินจากภาครัฐ จากโครงการเงินกองทุนให้กับชุมชน ที่คาดว่า จะเข้าระบบประมาณ 50,000 ล้านบาทในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้น่าจะขยายตัวได้ประมาณ 3%
นอกจากนี้ ดัชนีทุกรายการปรับดีขึ้นเช่นกัน โดยปัจจัยบวกมาจาก การคาดการณ์เศรษฐกิจจากหลายหน่วยงานที่คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวดีขึ้น รวมถึงราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศที่ปรับลดลง และอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังคงอยู่ที่ 1.5% แต่ยังมีปัจจัยลบที่กระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคคือ การก่อการร้ายในประเทศฝรั่งเศส รวมถึงภารรวมการส่งออกที่ยังคงติดลบ และราคาพืชผลทางการเกษตรที่ตกต่ำ ทำให้ประชาชนกังวลค่าครองชีพ และราคาสินค้า ว่ายังอยู่ในระดับสูง เพราะรายได้ไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพ ประกอบกับเศรษฐกิจโลกค่อยๆฟื้นตัว ส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศต่างๆ และความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายของผู้บริโภค
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยประเมินด้วยว่า ไตรมาส 4 ปีนี้ เศรษฐกิจจะขยายตัวได้ 3.3-3.6% ซึ่งขึ้นอยู่กับเม็ดเงินจากภาครัฐ จากโครงการเงินกองทุนให้กับชุมชน ที่คาดว่า จะเข้าระบบประมาณ 50,000 ล้านบาทในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้น่าจะขยายตัวได้ประมาณ 3%