ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (1 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซน ในการประชุมซึ่งจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานที่ระบุว่า ตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างในพุ่งขึ้นมากกว่าคาดในเดือนต.ค.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,888.35 จุด พุ่งขึ้น 168.43 จุด หรือ +0.95% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 5,156.31 จุด เพิ่มขึ้น 47.64 จุด หรือ +0.93% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 2,102.63 จุด เพิ่มขึ้น 22.22 จุด หรือ +1.07%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ ECB จะเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซน และอาจจะปรับอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมวันพรุ่งนี้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างในเดือนต.ค.ปรับตัวขึ้น 1.0% สู่ระดับ 1.11 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2007 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.5% บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง แม้ว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคชะลอตัวลง ขณะที่มีความอ่อนแอในภาคการผลิต
หุ้นกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุด โดยหุ้นเอ็ทนา อิงค์ หุ้นแอนเธม อิงค์ และหุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ ซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพระดับแนวหน้าของสหรัฐ ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 3.1%
หุ้นวอลท์ ดิสนีย์ พุ่งขึ้น 1.6% หลังจากนักวิเคราะห์ระบุว่า วอลท์ ดิสนีย์จะกวาดรายได้มูลค่ามหาศาลจากภาพยนต์เรื่อง “Star Wars: Force Awakens"
หุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้น นำโดยหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้นราว 2.8% หลังจากมีรายงานว่ามอร์แกน สแตนลีย์เตรียมปรับลดพนักงานจำนวนมาก ตามแผนปรับโครงสร้างองค์กร ขณะที่หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 1.3%
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น โดยหุ้นคอนโซล เอนเนอร์จี และหุ้นไพโอเนียร์ เนเชอรัล รีซอสเซส ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 3.1%
หุ้นกลุ่มสายการบินปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 4.9% หลังจากทางสายการบินสามารถทำข้อตกลงด้านค่าแรงกับกลุ่มสหภาพได้ ขณะที่หุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล โฮลดิงส์ และหุ้นเจ็ทบลู แอร์เวย์ส ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 2.2%
นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดในวันพุธ รวมทั้งการกล่าวแถลงต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรสในวันพฤหัสบดี พร้อมกับจับตาถ้อยแถลงของนายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก และนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานซานฟรานซิสโกในสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูกระทรวงแรงงานสหรัฐที่จะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์นี้ โดยหากตัวเลขออกมาแข็งแกร่ง ก็จะส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 15-16 ธ.ค.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,888.35 จุด พุ่งขึ้น 168.43 จุด หรือ +0.95% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 5,156.31 จุด เพิ่มขึ้น 47.64 จุด หรือ +0.93% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 2,102.63 จุด เพิ่มขึ้น 22.22 จุด หรือ +1.07%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ ECB จะเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซน และอาจจะปรับอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมวันพรุ่งนี้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างในเดือนต.ค.ปรับตัวขึ้น 1.0% สู่ระดับ 1.11 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2007 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.5% บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง แม้ว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคชะลอตัวลง ขณะที่มีความอ่อนแอในภาคการผลิต
หุ้นกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุด โดยหุ้นเอ็ทนา อิงค์ หุ้นแอนเธม อิงค์ และหุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ ซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพระดับแนวหน้าของสหรัฐ ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 3.1%
หุ้นวอลท์ ดิสนีย์ พุ่งขึ้น 1.6% หลังจากนักวิเคราะห์ระบุว่า วอลท์ ดิสนีย์จะกวาดรายได้มูลค่ามหาศาลจากภาพยนต์เรื่อง “Star Wars: Force Awakens"
หุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้น นำโดยหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้นราว 2.8% หลังจากมีรายงานว่ามอร์แกน สแตนลีย์เตรียมปรับลดพนักงานจำนวนมาก ตามแผนปรับโครงสร้างองค์กร ขณะที่หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 1.3%
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น โดยหุ้นคอนโซล เอนเนอร์จี และหุ้นไพโอเนียร์ เนเชอรัล รีซอสเซส ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 3.1%
หุ้นกลุ่มสายการบินปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 4.9% หลังจากทางสายการบินสามารถทำข้อตกลงด้านค่าแรงกับกลุ่มสหภาพได้ ขณะที่หุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล โฮลดิงส์ และหุ้นเจ็ทบลู แอร์เวย์ส ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 2.2%
นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดในวันพุธ รวมทั้งการกล่าวแถลงต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรสในวันพฤหัสบดี พร้อมกับจับตาถ้อยแถลงของนายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก และนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานซานฟรานซิสโกในสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูกระทรวงแรงงานสหรัฐที่จะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์นี้ โดยหากตัวเลขออกมาแข็งแกร่ง ก็จะส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 15-16 ธ.ค.