เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 6 ตึกอำนวยการ โรงพยาบาลอุดรธานี นพ.ธรรมนูญ พิสิฐธนวรรธ ผอ.รพ.อุดรธานี พร้อมด้วย นพ.ณรงค์ ธาดาเดช รอง ผอ. ร่วมกันแถลงข่าวกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อว่า "chackrapong deesri" โดยระบุว่าตัวเองเป็นแพทย์ และพาคนป่วยหอบหืดเข้ารักษาที่ รพ.อุดรธานี แต่กลับพบกับเรื่องที่ทำให้หงุดหงิดใจในด้านการให้บริการของเจ้าหน้าที่แพทย์และพยาบาล ที่ให้การช่วยเหลือแบบผิดวิธี และไม่เต็มที่เท่าทีควร พร้อมทั้งยังมีการตั้งคำถามด้วยว่า "โรงพยาบาลหรือโรงฆ่าสัตว์กันแน่" จนมีผู้แชร์ต่อกันไปบนโลกออนไลน์อย่างกว้างขวาง สร้างความเสียหายให้กับทางโรงพยาบาลอุดรธานี ซึ่งในเรื่องนี้ นพ.ธรรมนูญ ผอ.รพ.อุดรธานี ได้ชี้แจงว่า จากเรื่องดังกล่าวผู้ป่วยไม่ได้รับความเสียหายใดๆ เจ้าหน้าที่เราได้ให้การดูแลผู้ป่วยที่ห้องฉุกเฉินตลอดเวลา และให้การรักษามิได้เพิกเฉย ทั้งนี้ ทางโรงพยาบาลได้ปฏิบัติต่อผู้ป่วยที่มาหาอย่างดีที่สุดตามมาตรฐาน แต่ปัญหาอาจเป็นเรื่องความพึงพอใจของญาติ ซึ่งประเมินยาก
สำหรับคนที่โพสต์ภาพและเนื้อหาต่างๆ ตรวจสอบแล้วว่าเป็นแพทย์จริง เรื่องนี้ก็จะรายงานให้แพทย์สภาได้รับทราบตามความเป็นจริง และผู้ป่วยเองก็ไม่มีความสูญเสียจากการบริการครั้งนี้ รวมทั้งในเรื่อง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่มีการเผยแพร่กระจายข่าวว่าเป็นโรงฆ่าสัตว์นั้นแรงมาก สร้างความเสียหายให้กับทางโรงพยาบาลเป็นอย่างมาก ก็จะมีการพูดคุยว่าจะทำอย่างไรต่อไป และก็จะไม่ตอบโต้ใดๆกับผู้ที่โพสต์ภาพข่าวดังกล่าว สิ่งที่เรียกร้องมาทางโรงพยาบาลก็จะนำมาพัฒนาการบริการให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป
ด้าน นพ.ณรงค์ รอง ผอ.ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า รพ.อุดรธานี เป็นโรงพยาบาลเชี่ยวชาญระดับสูงด้านอุบัติเหตุและโรคหัวใจ สำหรับห้องอุบัติเหตุและฉุกเฉินมีผู้ป่วยมารับบริการปีละ 70,805 คน สำหรับผู้ป่วยหอบหืดมารับบริการ และได้รับการพ่นยาขยายหลอดลมที่ห้องฉุกเฉินปีละ 4,592 ราย หรือประมาณ 13 รายต่อวัน ดังนั้น แพทย์และพยาบาลที่ปฏิบัติงานในห้องฉุกเฉินจึงมีความรู้ความชำนาญด้านการรักษาโรคหอบหืดเป็นอย่างดี รวมทั้งผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตที่ต้องได้รับการช่วยชีวิตมารับบริการที่ห้องฉุกเฉินประมาณ 29 รายต่อวันน่าจะมีความชำนาญด้านการประเมินผู้ป่วยฉุกเฉินได้เป็นอย่างดี และดูลักษณะอาการของหญิงสาวที่ถูกโพสต์ภาพมานั้นก็ไม่ใช่ลักษณะอาการของคนเป็นโรคหืดหอบ ขณะที่แพทย์ตัวแทนจาก รพ.นอร์ทอีสเทอร์นวัฒนา ที่ถูกกล่าวอ้างถึงในเรื่องนี้ด้วย ได้กล่าวว่า หลังรับตัวผู้ป่วยแล้ว ตรวจสอบไม่ได้เป็นโรคหืดหอบแต่ประการใด แต่จะมีอาการเมาสุราทำให้หายใจลำบาก อีกอย่างทางคนที่พามารักษานั้นก็ทำผิดระเบียบโรงพยาบาลที่ห้ามถ่ายภาพ ซึ่งได้นำถ่ายภาพทั้งตัวผู้ป่วยและเอกสารของทางโรงพยาบาลไปลง แล้วกระจายไปทางสื่อโชเชียลต่างๆ อย่างเปิดเผย ก็คงจะมีการพูดคุยกันต่อไปว่าจะดำเนินการอย่างไรในส่วนนี้
สำหรับคนที่โพสต์ภาพและเนื้อหาต่างๆ ตรวจสอบแล้วว่าเป็นแพทย์จริง เรื่องนี้ก็จะรายงานให้แพทย์สภาได้รับทราบตามความเป็นจริง และผู้ป่วยเองก็ไม่มีความสูญเสียจากการบริการครั้งนี้ รวมทั้งในเรื่อง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่มีการเผยแพร่กระจายข่าวว่าเป็นโรงฆ่าสัตว์นั้นแรงมาก สร้างความเสียหายให้กับทางโรงพยาบาลเป็นอย่างมาก ก็จะมีการพูดคุยว่าจะทำอย่างไรต่อไป และก็จะไม่ตอบโต้ใดๆกับผู้ที่โพสต์ภาพข่าวดังกล่าว สิ่งที่เรียกร้องมาทางโรงพยาบาลก็จะนำมาพัฒนาการบริการให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป
ด้าน นพ.ณรงค์ รอง ผอ.ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า รพ.อุดรธานี เป็นโรงพยาบาลเชี่ยวชาญระดับสูงด้านอุบัติเหตุและโรคหัวใจ สำหรับห้องอุบัติเหตุและฉุกเฉินมีผู้ป่วยมารับบริการปีละ 70,805 คน สำหรับผู้ป่วยหอบหืดมารับบริการ และได้รับการพ่นยาขยายหลอดลมที่ห้องฉุกเฉินปีละ 4,592 ราย หรือประมาณ 13 รายต่อวัน ดังนั้น แพทย์และพยาบาลที่ปฏิบัติงานในห้องฉุกเฉินจึงมีความรู้ความชำนาญด้านการรักษาโรคหอบหืดเป็นอย่างดี รวมทั้งผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตที่ต้องได้รับการช่วยชีวิตมารับบริการที่ห้องฉุกเฉินประมาณ 29 รายต่อวันน่าจะมีความชำนาญด้านการประเมินผู้ป่วยฉุกเฉินได้เป็นอย่างดี และดูลักษณะอาการของหญิงสาวที่ถูกโพสต์ภาพมานั้นก็ไม่ใช่ลักษณะอาการของคนเป็นโรคหืดหอบ ขณะที่แพทย์ตัวแทนจาก รพ.นอร์ทอีสเทอร์นวัฒนา ที่ถูกกล่าวอ้างถึงในเรื่องนี้ด้วย ได้กล่าวว่า หลังรับตัวผู้ป่วยแล้ว ตรวจสอบไม่ได้เป็นโรคหืดหอบแต่ประการใด แต่จะมีอาการเมาสุราทำให้หายใจลำบาก อีกอย่างทางคนที่พามารักษานั้นก็ทำผิดระเบียบโรงพยาบาลที่ห้ามถ่ายภาพ ซึ่งได้นำถ่ายภาพทั้งตัวผู้ป่วยและเอกสารของทางโรงพยาบาลไปลง แล้วกระจายไปทางสื่อโชเชียลต่างๆ อย่างเปิดเผย ก็คงจะมีการพูดคุยกันต่อไปว่าจะดำเนินการอย่างไรในส่วนนี้
