จากคดีฆ่าข่มขืน “น้องแก้ม” เด็กหญิงวัย 13 ปี บนขบวนรถไฟขบวนที่ 147 นครศรีธรรมราช-กรุงเทพฯ โดยคนร้ายนำศพโยนทิ้งหน้าต่างรถไฟที่ ต.วังก์พง อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 6 ก.ค.57 ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมนายวันชัย หรือเกม แสงขาว อายุ 22 ปี พนักงานบริการบนขบวนรถไฟดังกล่าว และนายณัฐกร หรือหนึ่ง ชำนาญ อายุ 20 ปี พนักงานทำความสะอาดตู้รถไฟขบวนเดียวกันไว้ได้ โดยเมื่อวันที่ 30 ก.ย.57 ศาลชั้นต้นได้พิพากษาประหารชีวิตนายวันชัย จำเลยที่ 1 จากนั้นวันที่ 14 ก.ย.58 ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นโดยไม่มีเหตุบรรเทาโทษ แม้ว่าจำเลยให้การรับสารภาพ ส่วนนายณัฐกร จำเลยที่ 2 ไม่ยื่นอุทธรณ์คดี โดยยอมรับโทษจำคุก 4 ปี ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ขณะนี้ถูกคุมขังที่เรือนจำ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ส่วนจำเลยที่ 1 ถูกคุมขังที่เรือนจำกลางบางขวาง
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 16 พ.ย.58 เจ้าหน้าที่กลุ่มงานจัดการงานคดี ศาลจังหวัดหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ แจ้งว่านายบรรเจิด แย้มโอษฐ์ ทนายอาสาของจำเลยที่ 1 ซึ่งเดิมได้ยื่นคำร้องขอขยายเวลายื่นฎีกาไว้ และศาลจังหวัดหัวหินได้อนุญาตให้ขยายเวลา โดยอนุญาตให้จำเลยที่ 1 ยื่นฎีกาได้ภายในวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่ต่อมาทนายอาสาจำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขอไม่ใช้สิทธิ์ในการฎีกาต่อศาลจังหวัดหัวหิน ดังนั้นคดีนี้จึงถึงที่สุดแล้ว โดยจำเลยที่ 1 ต้องโทษตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ประหารชีวิต
ทางด้านนายวันชัย บุนนาค ทนายความของมารดาน้องแก้ม ซึ่งเป็นโจทก์ร่วมกล่าวว่า เนื่องจากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 247 กำหนดให้คดีที่จำเลยต้องโทษประหารชีวิต ห้ามไม่ให้บังคับคดีตามคำพิพากษา จนกว่าจะได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยอภัยโทษ สำหรับขั้นตอนอภัยโทษต้องปฏิบัติไปตามขั้นตอนของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ภาค 7 อภัยโทษเปลี่ยนโทษหนักเป็นเบาและลดโทษ ซึ่งกฎหมายส่วนนี้เป็นขั้นตอนอภัยโทษตามที่กฎหมายกำหนด
“ดังนั้นระหว่างนี้ต้องรอผลการทำตามขั้นตอนอภัยโทษ เมื่อผลเป็นอย่างไรคงต้องรอผลตามกฎหมาย หากไม่ได้รับการอภัยโทษ เจ้าหน้าที่ก็จะต้องดำเนินการบังคับคดีประหารชีวิตตามคำพิพากษา แต่หากได้รับการพระราชทานอภัยโทษตามกฎหมาย ก็บังคับคดีไปตามผลคดีสุดท้ายที่ได้รับอภัยโทษเท่าใดก็รับโทษตามนั้น ในฐานะโจทก์ร่วมต้องขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ตั้งแต่อดีตผู้ว่าการรถไฟ นายประภัสร์ จงสงวน และนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร รวมทั้งเจ้าหน้าที่การรถไฟที่อำนวยความสะดวกและช่วยเหลือเป็นอย่างดี ที่ผ่านมาการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้จ่ายค่าเยียวยาให้มารดาน้องแก้ม 8,500,000 บาท นอกจากนั้น ขอขอบคุณกระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการและศาลยุติธรรม ที่อำนวยความยุติธรรมตามกฎหมาย” นายวันชัย กล่าวต่อท้าย
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 16 พ.ย.58 เจ้าหน้าที่กลุ่มงานจัดการงานคดี ศาลจังหวัดหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ แจ้งว่านายบรรเจิด แย้มโอษฐ์ ทนายอาสาของจำเลยที่ 1 ซึ่งเดิมได้ยื่นคำร้องขอขยายเวลายื่นฎีกาไว้ และศาลจังหวัดหัวหินได้อนุญาตให้ขยายเวลา โดยอนุญาตให้จำเลยที่ 1 ยื่นฎีกาได้ภายในวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่ต่อมาทนายอาสาจำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขอไม่ใช้สิทธิ์ในการฎีกาต่อศาลจังหวัดหัวหิน ดังนั้นคดีนี้จึงถึงที่สุดแล้ว โดยจำเลยที่ 1 ต้องโทษตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ประหารชีวิต
ทางด้านนายวันชัย บุนนาค ทนายความของมารดาน้องแก้ม ซึ่งเป็นโจทก์ร่วมกล่าวว่า เนื่องจากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 247 กำหนดให้คดีที่จำเลยต้องโทษประหารชีวิต ห้ามไม่ให้บังคับคดีตามคำพิพากษา จนกว่าจะได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยอภัยโทษ สำหรับขั้นตอนอภัยโทษต้องปฏิบัติไปตามขั้นตอนของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ภาค 7 อภัยโทษเปลี่ยนโทษหนักเป็นเบาและลดโทษ ซึ่งกฎหมายส่วนนี้เป็นขั้นตอนอภัยโทษตามที่กฎหมายกำหนด
“ดังนั้นระหว่างนี้ต้องรอผลการทำตามขั้นตอนอภัยโทษ เมื่อผลเป็นอย่างไรคงต้องรอผลตามกฎหมาย หากไม่ได้รับการอภัยโทษ เจ้าหน้าที่ก็จะต้องดำเนินการบังคับคดีประหารชีวิตตามคำพิพากษา แต่หากได้รับการพระราชทานอภัยโทษตามกฎหมาย ก็บังคับคดีไปตามผลคดีสุดท้ายที่ได้รับอภัยโทษเท่าใดก็รับโทษตามนั้น ในฐานะโจทก์ร่วมต้องขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ตั้งแต่อดีตผู้ว่าการรถไฟ นายประภัสร์ จงสงวน และนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร รวมทั้งเจ้าหน้าที่การรถไฟที่อำนวยความสะดวกและช่วยเหลือเป็นอย่างดี ที่ผ่านมาการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้จ่ายค่าเยียวยาให้มารดาน้องแก้ม 8,500,000 บาท นอกจากนั้น ขอขอบคุณกระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการและศาลยุติธรรม ที่อำนวยความยุติธรรมตามกฎหมาย” นายวันชัย กล่าวต่อท้าย
