รายงานข่าวจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 17 พ.ย.นี้ กระทรวงทรัพยากรฯ จะเสนอขออนุมัติกรอบท่าทีเจรจาของไทย ในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 21 และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 11 ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 30 พ.ย.-11 ธ.ค.2558 และองค์ประกอบคณะผู้แทนประเทศไทยที่จะเดินทางไปร่วมประชุม จำนวน 81 คน จาก 27 หน่วยงาน อาทิ กระทรวงทรัพยากรฯ ซึ่ง ถือเป็นหน่วยงานหลักในการเจรจา จำนวน 32 คน ตามด้วยผู้บริหารระดับสูงอีก 7 คน อาทิ นายเกษมสันต์ จิณณวาโส ปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ พล.อ.อรรถนพ ศิริศักดิ์ เลขานุการ รมว.ทรัพยากรฯ พล.ท.ธรณิศวร์ โรจนสุวรรณ และ พ.ต.หญิงภณิชชา ธีระเดชพงศ์ คณะทำงาน รมว.ทรัพยากรฯ เป็นต้น รวมเป็น 39 คน ขณะที่หน่วยงานอื่น อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ 10 คน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2 คน กระทรวงพลังงาน 4 คน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1 คน กระทรวงสาธารณสุข 3 คน กระทรวงอุตสาหกรรม 3 คน ส่วนราชการอิสระ 3 คน เป็นต้น โดยมี พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรฯ เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนประเทศไทย
ทั้งนี้เดิมกระทรวงทรัพยากรฯ จะนำคณะผู้แทนของประเทศไทยที่จะเดินทางไปร่วมประชุม ในครั้งนี้ถึง 97 คน แต่เมื่อมีการทักท้วงทำให้มีการปรับลดจำนวนผู้เข้าร่วมประชุมเหลือ 81 คน โดยตัดผู้แทนจากกรมป่าไม้ กรมทรัพยากรน้ำ กรมควบคุมมลพิษ และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งออกไป แต่ก็ยังได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ค่อนข้างมากว่า จำนวนคนที่จะเดินทางเข้าร่วมประชุมมากเกินความจำเป็น และทำให้เสียงบประมาณจำนวนมาก เฉพาะค่าเดินทางไปกลับ ค่าที่พัก ค่าเบี้ยเลี้ยง ต้องใช้งบประมาณเกือบ 20 ล้านบาท
ด้านนายเกษมสันต์ จิณณวาโส ปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ กล่าวว่าการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 21 และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 11 ที่กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ถือว่ามีความสำคัญ จึงต้องใช้เจ้าหน้าที่จำนวนมาก ทั้งร่วมประชุมและจัดนิทรรศการ แต่ไม่ได้เดินทางไปประชุมพร้อมกันทั้งหมด 81 คน เช่น พล.อ.สุรศักดิ์ เดินทางไปประชุมวันที่ 5-11 ธ.ค. ส่วนตนเดินทางไปร่วมประชุมวันที่ 5-10 ธ.ค.หรือเจ้าหน้าที่บางคนต้องเดินทางไปกลับถึง 4-5 รอบ เป็นต้น แต่เวลาจะเสนอให้ ครม.อนุมัติ จะต้องเสนอรายชื่อทั้งหมดพร้อมกัน โดยงบประมาณค่าใช้จ่าย แต่ละหน่วยงานเป็นผู้รับผิดชอบ โดยก่อนหน้านี้มีจำนวนคนที่จะเดินทางมากกว่านี้ แต่ตัดออกไปแล้วจำนวนหนึ่ง
สำหรับจำนวนคนที่จะเข้าร่วมประชุมถือว่าไม่มาก เพราะต้องเข้าร่วมประชุมในงานดังกล่าวถึง 5 วงประชุม เช่น การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 21 การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 11 การประชุมองค์กรย่อยด้านการดำเนินงานสมัยที่ 43 เป็นต้น ที่สำคัญการประชุมครั้งนี้ถือว่ามีความสำคัญ เพราะประเทศไทยจะต้องเป็นประธานกลุ่ม 77 (G77) บวกจีน ต่อจากประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งเราจะต้องไปเจรจาและวางกรอบการทำงาน เพราะในปี 2559 จะมีการประชุมที่เกี่ยวเนื่องถึง 9 ครั้ง เพราะฉะนั้น จำนวนคน 70-80 คนที่ไปร่วมประชุมถือว่าไม่มาก
ทั้งนี้เดิมกระทรวงทรัพยากรฯ จะนำคณะผู้แทนของประเทศไทยที่จะเดินทางไปร่วมประชุม ในครั้งนี้ถึง 97 คน แต่เมื่อมีการทักท้วงทำให้มีการปรับลดจำนวนผู้เข้าร่วมประชุมเหลือ 81 คน โดยตัดผู้แทนจากกรมป่าไม้ กรมทรัพยากรน้ำ กรมควบคุมมลพิษ และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งออกไป แต่ก็ยังได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ค่อนข้างมากว่า จำนวนคนที่จะเดินทางเข้าร่วมประชุมมากเกินความจำเป็น และทำให้เสียงบประมาณจำนวนมาก เฉพาะค่าเดินทางไปกลับ ค่าที่พัก ค่าเบี้ยเลี้ยง ต้องใช้งบประมาณเกือบ 20 ล้านบาท
ด้านนายเกษมสันต์ จิณณวาโส ปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ กล่าวว่าการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 21 และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 11 ที่กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ถือว่ามีความสำคัญ จึงต้องใช้เจ้าหน้าที่จำนวนมาก ทั้งร่วมประชุมและจัดนิทรรศการ แต่ไม่ได้เดินทางไปประชุมพร้อมกันทั้งหมด 81 คน เช่น พล.อ.สุรศักดิ์ เดินทางไปประชุมวันที่ 5-11 ธ.ค. ส่วนตนเดินทางไปร่วมประชุมวันที่ 5-10 ธ.ค.หรือเจ้าหน้าที่บางคนต้องเดินทางไปกลับถึง 4-5 รอบ เป็นต้น แต่เวลาจะเสนอให้ ครม.อนุมัติ จะต้องเสนอรายชื่อทั้งหมดพร้อมกัน โดยงบประมาณค่าใช้จ่าย แต่ละหน่วยงานเป็นผู้รับผิดชอบ โดยก่อนหน้านี้มีจำนวนคนที่จะเดินทางมากกว่านี้ แต่ตัดออกไปแล้วจำนวนหนึ่ง
สำหรับจำนวนคนที่จะเข้าร่วมประชุมถือว่าไม่มาก เพราะต้องเข้าร่วมประชุมในงานดังกล่าวถึง 5 วงประชุม เช่น การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 21 การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 11 การประชุมองค์กรย่อยด้านการดำเนินงานสมัยที่ 43 เป็นต้น ที่สำคัญการประชุมครั้งนี้ถือว่ามีความสำคัญ เพราะประเทศไทยจะต้องเป็นประธานกลุ่ม 77 (G77) บวกจีน ต่อจากประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งเราจะต้องไปเจรจาและวางกรอบการทำงาน เพราะในปี 2559 จะมีการประชุมที่เกี่ยวเนื่องถึง 9 ครั้ง เพราะฉะนั้น จำนวนคน 70-80 คนที่ไปร่วมประชุมถือว่าไม่มาก
