พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลกและมอบนโยบายแก่เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า นายกรัฐมนตรีได้เน้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เพราะกระทรวงการต่างประเทศเป็นกลไกสำคัญในการเชื่อมโยงเศรษฐกิจไทยกับเศรษฐกิจโลก เพื่อยกระดับเศรษฐกิจประเทศให้ดีขึ้น และสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลต้องทำหน้าที่เป็นศูนย์ดำรงธรรม ให้ความช่วยเหลือคนไทยในต่างประเทศ
นอกจากนั้น การที่ไทยได้รับเลือกให้เป็นประธานกลุ่ม G-77 ในปี 2559 สะท้อนให้เห็นว่านานาชาติให้ความไว้วางใจและเชื่อมั่นประเทศไทย ทุกฝ่ายต้องช่วยกันผลักดันบทบาทของไทยให้ต่อเนื่องและราบรื่น ซึ่งช่วง 1 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาของชาติหลายประการ โดยมีเป้าหมายหลัก คือ การสร้างความปรองดอง ส่งเสริมการปฏิรูปและพัฒนาการบริหารราชการแผ่นดิน ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยระยะเวลา 17 - 18 เดือนนับจากนี้ ไทยจะมีการเลือกตั้งอย่างแน่นอน ระหว่างนี้ รัฐบาลขอให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ติดตามพัฒนาการต่างๆ ในประเทศไทย ที่แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลได้เดินหน้าตามที่กำหนด
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรียังขอให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ ช่วยกันชี้ช่องทางและโอกาสทางเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน ช่วยเปิดทางให้หน่วยงานและผู้ประกอบการของไทยกับต่างประเทศ เพื่อสร้างหุ้นส่วนใหม่ๆ และผลักดันการเจรจาความตกลงทางเศรษฐกิจและการค้าที่จะเป็นประโยชน์กับไทย ขณะที่งานหลักในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทย ทั้งด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยวและอื่นๆ ขอให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทำอย่างต่อเนื่อง ให้สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ของไทยเป็น one stop service ในการให้ข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับไทย
นอกจากนั้น การที่ไทยได้รับเลือกให้เป็นประธานกลุ่ม G-77 ในปี 2559 สะท้อนให้เห็นว่านานาชาติให้ความไว้วางใจและเชื่อมั่นประเทศไทย ทุกฝ่ายต้องช่วยกันผลักดันบทบาทของไทยให้ต่อเนื่องและราบรื่น ซึ่งช่วง 1 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาของชาติหลายประการ โดยมีเป้าหมายหลัก คือ การสร้างความปรองดอง ส่งเสริมการปฏิรูปและพัฒนาการบริหารราชการแผ่นดิน ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยระยะเวลา 17 - 18 เดือนนับจากนี้ ไทยจะมีการเลือกตั้งอย่างแน่นอน ระหว่างนี้ รัฐบาลขอให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ติดตามพัฒนาการต่างๆ ในประเทศไทย ที่แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลได้เดินหน้าตามที่กำหนด
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรียังขอให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ ช่วยกันชี้ช่องทางและโอกาสทางเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน ช่วยเปิดทางให้หน่วยงานและผู้ประกอบการของไทยกับต่างประเทศ เพื่อสร้างหุ้นส่วนใหม่ๆ และผลักดันการเจรจาความตกลงทางเศรษฐกิจและการค้าที่จะเป็นประโยชน์กับไทย ขณะที่งานหลักในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทย ทั้งด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยวและอื่นๆ ขอให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทำอย่างต่อเนื่อง ให้สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ของไทยเป็น one stop service ในการให้ข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับไทย
