นายพรายพล คุ้มทรัพย์ นักวิชาการอิสระ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปีหน้าจะขยายตัวร้อยละ 3-3.5 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าศักยภาพที่ควรจะโตได้ร้อยละ 4-5 เนื่องจากส่งออกยังติดลบร้อยละ 2-3 แม้ว่าดีขึ้นจากที่ปีนี้ติดลบร้อยละ 5 แต่เป็นการติดลบต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ดังนั้น การเติบโตของเศรษฐกิจไทยจะมาจากการใช้จ่ายภาครัฐ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟรางคู่ มอเตอร์เวย์ ส่วนการบริโภคและการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนจะยังไม่ดีมากนัก เพราะหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง ทำให้ประชาชนระมัดระวังการใช้จ่าย จึงคาดว่าเศรษฐกิจไทยอาจต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 5 ปี ที่จะกลับสู่ภาวะการเติบโตเต็มศักยภาพ โดยระหว่างนี้รัฐบาลควรที่จะส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา การปรับปรุงโครงสร้างและกฎระเบียบมากกว่าใช้นโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมัน ในปีหน้าคาดว่า อยู่ที่ประมาณ 60-70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากปีนี้ที่อยู่ที่ 40-50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากการผลิตน้ำมันจากหินดินดานลดลง ทำให้ปริมาณการปริมาณน้ำมันน่าจะลดลงบ้าง ส่งผลให้ราคาน้ำมันจะมีโอกาสขยับขึ้น
ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมัน ในปีหน้าคาดว่า อยู่ที่ประมาณ 60-70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากปีนี้ที่อยู่ที่ 40-50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากการผลิตน้ำมันจากหินดินดานลดลง ทำให้ปริมาณการปริมาณน้ำมันน่าจะลดลงบ้าง ส่งผลให้ราคาน้ำมันจะมีโอกาสขยับขึ้น