สมาคมธนาคารไทย ได้ประกาศแจ้งเตือนประชาชนให้ระวังแก๊งมิจฉาชีพ หลอกให้โอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็มหรือฝากเงินสดผ่านเครื่องรับฝากเงินสดอัตโนมัติและเคาน์เตอร์ธนาคาร โดยทางสมาคมธนาคารไทยได้ชี้แจงว่า ธนาคารสมาชิกทุกแห่งไม่มีนโยบายในการโทรศัพท์แจ้งข้อมูลในลักษณะดังกล่าวต่อลูกค้าหรือขอข้อมูลส่วนตัวใดๆ ของลูกค้า รวมทั้งไม่มีนโยบายในการให้ลูกค้าไปทำรายการโอนเงิน หรือฝากเงินเพื่อตรวจสอบยอดเงินใดๆ ซึ่งหากได้รับสายจากบุคคลที่ไม่รู้จักโดยแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารหรือภาครัฐ ควรตรวจสอบให้ดีก่อนหลงเชื่อ
ด้าน นายกอบศักดิ์ ดวงดี เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย เผยว่า ปัจจุบันยังคงมีกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวงประชาชนด้วยวิธีโทรศัพท์หาลูกค้าและไม่ใช่ลูกค้าของธนาคาร (แก๊ง Call Center) โดยมิจฉาชีพเหล่านี้จะมีการสุ่มโทรหา และมีการใช้คำพูดที่ทำให้เกิดความหวาดกลัว ส่วนมากจะแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากสถาบันการเงินหรือเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อหลอกให้ไปทำธุรกรรมที่ตู้เอทีเอ็ม เครื่องรับฝากเงินสดอัตโนมัติ หรือเคาน์เตอร์ของธนาคาร เป็นต้น โดยรูปแบบในการโกงนั้นจะมีลักษณะต่างๆ ดังนี้
1. บัญชีเงินฝากถูกอายัด มักจะเป็นการโกงในลักษณะนี้มากที่สุด โดยจะปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารหลอกว่าบัญชีเงินฝากถูกอายัด เนื่องจากอาจจะมีการกระทำที่ผิดกฎหมาย รวมถึงมีการเป็นหนี้บัตรเครดิตและมักจะใช้ระบบอัตโนมัติเพื่อแจ้งสาเหตุ เหยื่ออาจจะเกิดความหวาดกลัวจึงมักจะมีการต่อสายเพื่อคุยกับเจ้าหน้าที่และมิจฉาชีพก็จะหลอกให้ไปทำการโอนเงินที่ตู้เอทีเอ็ม หรือเครื่องฝากเงินสดอัตโนมัติ
2.แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร แจ้งว่าการสมัครสินเชื่อได้รับอนุมัติแล้ว และเมื่อลูกค้าตกใจ ก็จะทำเป็นแจ้งเพิ่มเติมว่า มีเงินโอนเข้าบัญชีของลูกค้า ซึ่งเข้าข่ายเรื่องของการฟอกเงินหรือยาเสพติด และให้ลูกค้าไปตรวจสอบยอดเงินในบัญชี โดยการโอนเงิน ฝากเงินสด ผ่านช่องทางต่างๆ ไปยังบัญชีกลางซึ่งเป็นบัญชีของกลุ่มมิจฉาชีพ
3. ระบุเงินและของรางวัลล่อใจ แก๊ง Call Center จะอ้างว่าเป็นตัวแทนองค์กรต่างๆ แจ้งลูกค้าทราบว่าได้รับรางวัลมูลค่าสูง ขอให้โอนเงินมา เพื่อจ่ายค่าภาษีของรางวัล
4.หลอกว่าโอนเงินผิด มิจฉาชีพที่มีข้อมูลของเหยื่อ จะโทรเข้าไปหลอกว่ามีเงินโอนผิดบัญชี ขอให้ทำการโอนเงินคืน แต่เหยื่อก็จะไม่รู้ว่ามิจฉาชีพได้ใช้รายละเอียดของเหยื่อในการเปิดบัญชี
ทั้งนี้ หากลูกค้ามีข้อสงสัย สามารถสอบถามกับเจ้าหน้าที่ Call Center ของธนาคารที่ลูกค้ามีบัญชี และการทำธุรกรรมกับธนาคารนั้นๆ ได้ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง กรณีตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และเกิดความเสียหายเกิดขึ้น ขอให้รวบรวมหลักฐานและแจ้งกับสถาบันการเงินให้ระงับการถอนและโอนเงินถ้าไม่สามารถระงับได้ ให้รวบรวมหลักฐานแจ้งความ และลงบันทึกประจำวัน เพื่อให้เป็นหลักฐานในการระงับและแจ้งไปยังสถาบันการเงิน เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ด้าน นายกอบศักดิ์ ดวงดี เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย เผยว่า ปัจจุบันยังคงมีกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวงประชาชนด้วยวิธีโทรศัพท์หาลูกค้าและไม่ใช่ลูกค้าของธนาคาร (แก๊ง Call Center) โดยมิจฉาชีพเหล่านี้จะมีการสุ่มโทรหา และมีการใช้คำพูดที่ทำให้เกิดความหวาดกลัว ส่วนมากจะแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากสถาบันการเงินหรือเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อหลอกให้ไปทำธุรกรรมที่ตู้เอทีเอ็ม เครื่องรับฝากเงินสดอัตโนมัติ หรือเคาน์เตอร์ของธนาคาร เป็นต้น โดยรูปแบบในการโกงนั้นจะมีลักษณะต่างๆ ดังนี้
1. บัญชีเงินฝากถูกอายัด มักจะเป็นการโกงในลักษณะนี้มากที่สุด โดยจะปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารหลอกว่าบัญชีเงินฝากถูกอายัด เนื่องจากอาจจะมีการกระทำที่ผิดกฎหมาย รวมถึงมีการเป็นหนี้บัตรเครดิตและมักจะใช้ระบบอัตโนมัติเพื่อแจ้งสาเหตุ เหยื่ออาจจะเกิดความหวาดกลัวจึงมักจะมีการต่อสายเพื่อคุยกับเจ้าหน้าที่และมิจฉาชีพก็จะหลอกให้ไปทำการโอนเงินที่ตู้เอทีเอ็ม หรือเครื่องฝากเงินสดอัตโนมัติ
2.แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร แจ้งว่าการสมัครสินเชื่อได้รับอนุมัติแล้ว และเมื่อลูกค้าตกใจ ก็จะทำเป็นแจ้งเพิ่มเติมว่า มีเงินโอนเข้าบัญชีของลูกค้า ซึ่งเข้าข่ายเรื่องของการฟอกเงินหรือยาเสพติด และให้ลูกค้าไปตรวจสอบยอดเงินในบัญชี โดยการโอนเงิน ฝากเงินสด ผ่านช่องทางต่างๆ ไปยังบัญชีกลางซึ่งเป็นบัญชีของกลุ่มมิจฉาชีพ
3. ระบุเงินและของรางวัลล่อใจ แก๊ง Call Center จะอ้างว่าเป็นตัวแทนองค์กรต่างๆ แจ้งลูกค้าทราบว่าได้รับรางวัลมูลค่าสูง ขอให้โอนเงินมา เพื่อจ่ายค่าภาษีของรางวัล
4.หลอกว่าโอนเงินผิด มิจฉาชีพที่มีข้อมูลของเหยื่อ จะโทรเข้าไปหลอกว่ามีเงินโอนผิดบัญชี ขอให้ทำการโอนเงินคืน แต่เหยื่อก็จะไม่รู้ว่ามิจฉาชีพได้ใช้รายละเอียดของเหยื่อในการเปิดบัญชี
ทั้งนี้ หากลูกค้ามีข้อสงสัย สามารถสอบถามกับเจ้าหน้าที่ Call Center ของธนาคารที่ลูกค้ามีบัญชี และการทำธุรกรรมกับธนาคารนั้นๆ ได้ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง กรณีตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และเกิดความเสียหายเกิดขึ้น ขอให้รวบรวมหลักฐานและแจ้งกับสถาบันการเงินให้ระงับการถอนและโอนเงินถ้าไม่สามารถระงับได้ ให้รวบรวมหลักฐานแจ้งความ และลงบันทึกประจำวัน เพื่อให้เป็นหลักฐานในการระงับและแจ้งไปยังสถาบันการเงิน เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป