วันนี้ (5 พ.ย.) นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในการประชุมด่วนหารือแนวทางในการดำเนินงานตามโครงการตำบลละ 5 ล้านบาท ร่วมกับนายอำเภอทั้ง 32 อำเภอ ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยตัวแทน ป.ป.ช. และ สตง. เข้าร่วมประชุม ภายหลังจากที่กรมการปกครองมีคำสั่งย้ายด่วนนายอำเภอ 4 คน เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดย 2 ใน 4 คนเป็นนายอำเภอในพื้นที่จังหวันครราชสีมา ประกอบด้วย นายอำเภอโชคชัย และนายอำเภอห้วยแถลง โดยให้ทั้งหมดไปช่วยราชการที่กรมการปกครองเป็นการประจำ ตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน เป็นต้นไป เนื่องจากกรมการปกครองได้รับข้อมูลเกี่ยวกับความไม่โปร่งใสในการดำเนินการโครงการตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบลๆ ละ 5 ล้านบาท
ทั้งนี้ จังหวัดนครราชสีมาได้มีการเสนอของบประมาณโครงการตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบลๆ ละ 5 ล้านบาท จากทั้ง 32 อำเภอ รวมทั้งสิ้น 289 ตำบล 3,742 หมู่บ้าน 154 ตำบล เป็นจำนวนเงินรวม 1,445 ล้านบาท มีการเสนอโครงการจำนวน 4,695 โครงการ ขอรับงบประมาณรวมเป็นเงิน 1,442,747,982 บาท น้อยกว่าที่ได้รับจัดสรร รวม 2,252,018 บาท โดยโครงการที่เสนอของบประมาณส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 70 เป็นการเสนอโครงการของบประมาณในการก่อสร้างถนน คสล.ก่อสร้างถนนลาดยาง ปรับปรุงซ่อมแซมหรือบูรณะทรัพย์สินที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ขุดลอก สร้างฝาย ปรับปรุงภูมิทัศน์ สร้างอาชีพ ทำโรงปุ๋ย โรงสี
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยได้เน้นย้ำมากว่าโครงการฯ ตำบลละ 5 ล้านบาท ทุกขั้นตอนต้องโปร่งใส่ สามารถตรวจสอบได้ ดังนั้น ภายหลังจากที่เกิดปัญหากับ 2 อำเภอดังกล่าว วันนี้ตนจึงได้เรียกประชุมด่วนนายอำเภอทั้งหมด เพื่อเน้นย้ำให้ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของกระทรวงมหาดไทยอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง การกำหนดราคา และการตรวจรับ ซึ่งจะมีผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะคุยถึงแนวทางการจัดซื้อจัดจ้างว่าจะใช้การตกลงราคา หรือสอบราคาดี เนื่องจากตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทย ที่ระบุว่าการใช้งบประมาณไม่เกิน 5 แสนบาท สามารถตกลงราคากันได้ แต่ถ้ามีการจัดทำสอบราคา จะโปร่งใสกว่า ซึ่งนายอำเภอหลายคนก็ห่วงว่าหากสอบราคา จะทำให้เกิดความล่าช้า และทำไม่ทันกำหนดเบิกงบประมาณ ภายในวันที่ 31 มกราคม 2559 รวมทั้งจะหารือแนวทางอื่นๆ ที่จะทำให้เกิดความโปร่งใส่ด้วย
ส่วนกรณีของ 2 นายอำเภอที่ถูกสั่งย้ายให้ไปช่วยราชการที่กรมการปกครองนั้น ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่เมื่อตรวจพบความผิดปกติ ก็จะต้องย้ายไปที่อื่นก่อน เพื่อให้การตรวจสอบเป็นไปด้วยความสะดวก เรียบร้อย ซึ่งเรื่องนี้กรมการปกครองเป็นผู้ตั้งคณะกรรมการลงมาตรวจสอบโดยตรง หากพี่น้องประชาชนพบเห็นการใช้งบประมาณส่วนนี้ไม่โปร่งใส ก็สามารถเข้ามาร้องเรียนได้ที่ศูนย์ดำรงธรรม ภายในศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเรื่องทั้งหมดจะส่งตรงมาที่ตน หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการทำทุจริตจริง ตนก็จะต้องสั่งดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายให้ถึงที่สุดต่อไป
ทั้งนี้ จังหวัดนครราชสีมาได้มีการเสนอของบประมาณโครงการตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบลๆ ละ 5 ล้านบาท จากทั้ง 32 อำเภอ รวมทั้งสิ้น 289 ตำบล 3,742 หมู่บ้าน 154 ตำบล เป็นจำนวนเงินรวม 1,445 ล้านบาท มีการเสนอโครงการจำนวน 4,695 โครงการ ขอรับงบประมาณรวมเป็นเงิน 1,442,747,982 บาท น้อยกว่าที่ได้รับจัดสรร รวม 2,252,018 บาท โดยโครงการที่เสนอของบประมาณส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 70 เป็นการเสนอโครงการของบประมาณในการก่อสร้างถนน คสล.ก่อสร้างถนนลาดยาง ปรับปรุงซ่อมแซมหรือบูรณะทรัพย์สินที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ขุดลอก สร้างฝาย ปรับปรุงภูมิทัศน์ สร้างอาชีพ ทำโรงปุ๋ย โรงสี
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยได้เน้นย้ำมากว่าโครงการฯ ตำบลละ 5 ล้านบาท ทุกขั้นตอนต้องโปร่งใส่ สามารถตรวจสอบได้ ดังนั้น ภายหลังจากที่เกิดปัญหากับ 2 อำเภอดังกล่าว วันนี้ตนจึงได้เรียกประชุมด่วนนายอำเภอทั้งหมด เพื่อเน้นย้ำให้ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของกระทรวงมหาดไทยอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง การกำหนดราคา และการตรวจรับ ซึ่งจะมีผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะคุยถึงแนวทางการจัดซื้อจัดจ้างว่าจะใช้การตกลงราคา หรือสอบราคาดี เนื่องจากตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทย ที่ระบุว่าการใช้งบประมาณไม่เกิน 5 แสนบาท สามารถตกลงราคากันได้ แต่ถ้ามีการจัดทำสอบราคา จะโปร่งใสกว่า ซึ่งนายอำเภอหลายคนก็ห่วงว่าหากสอบราคา จะทำให้เกิดความล่าช้า และทำไม่ทันกำหนดเบิกงบประมาณ ภายในวันที่ 31 มกราคม 2559 รวมทั้งจะหารือแนวทางอื่นๆ ที่จะทำให้เกิดความโปร่งใส่ด้วย
ส่วนกรณีของ 2 นายอำเภอที่ถูกสั่งย้ายให้ไปช่วยราชการที่กรมการปกครองนั้น ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่เมื่อตรวจพบความผิดปกติ ก็จะต้องย้ายไปที่อื่นก่อน เพื่อให้การตรวจสอบเป็นไปด้วยความสะดวก เรียบร้อย ซึ่งเรื่องนี้กรมการปกครองเป็นผู้ตั้งคณะกรรมการลงมาตรวจสอบโดยตรง หากพี่น้องประชาชนพบเห็นการใช้งบประมาณส่วนนี้ไม่โปร่งใส ก็สามารถเข้ามาร้องเรียนได้ที่ศูนย์ดำรงธรรม ภายในศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเรื่องทั้งหมดจะส่งตรงมาที่ตน หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการทำทุจริตจริง ตนก็จะต้องสั่งดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายให้ถึงที่สุดต่อไป