พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินคดีหมิ่นสถาบันตามมาตรา 112 ว่า จากการสอบสวนนายศุกร์โข ตามเสรี คนสนิท พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด ในเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีความผิดในมาตรา 112 แต่มีความผิดเรื่องอาวุธ ซึ่งเป็นปืนของสารวัตรเอี๊ยด
ส่วนกรณีที่มีนายทหารยศพันเอกเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดี ขณะนี้ยังอยู่ในสำนวนสอบสวน ซึ่งมีการประสานงานกับกองทัพอยู่แล้ว แต่ยังไม่แน่ใจในความเชื่อมโยงเพราะยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งหากพบว่าเกี่ยวข้องกับใครก็จะมีการจับเพิ่มเติม ขณะที่ข้าราชการตำรวจทั้ง 8 นาย ที่มีคำสั่งเข้ามาช่วยราชการ เบื้องต้นยังไม่มีความชัดเจนว่าเกี่ยวกับการกระทำความผิดเช่นกัน แต่จะต้องดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม นอกจากนี้ ยังได้ติดตามทรัพย์สินและสอบสวนญาติของนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง ที่มีการโอนทรัพย์สินไปให้ แต่จะต้องให้ความเป็นธรรมด้วยว่า ทรัพย์สินเหล่านั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีหรือไม่
ส่วนกรณีที่สารวัตรเอี๊ยด พยายามฝากนายศุกร์โข เข้ารับราชการตำรวจนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ซึ่งหากมีการฝากจริงต้องดูด้วยว่า นายศุกร์โข มีความรู้ความสามารถตรงตามตำแหน่งงานหรือไม่ เพราะเรื่องการฝากเป็นเรื่องปกติ ส่วนจะรับหรือไม่เป็นอีกเรื่อง และสำหรับกรณีที่หมอหยองแอบอ้างเป็นร่างทรง หากมีผู้เข้ามาร้องทุกข์กล่าวโทษ ก็สามารถดำเนินคดีเพิ่มเติมได้
นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวด้วยว่า ล่าสุด พล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ ที่ปรึกษา สบ 10 โทรศัพท์มารายงานว่าเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยแล้ว และไม่ได้ยื่นความประสงค์ว่าจะลาออกจากราชการ แต่หากไม่เดินทางมาทำงานเกิน 15 วัน ก็ต้องถือว่าขาดราชการและต้องออกจากราชการ ซึ่งขณะนี้ พล.ต.อ.ประวุฒิ ยังคงดูแลการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ ปั่นเพื่อพ่อ Bike for Dad อยู่เช่นเดิม ทั้งนี้ เชื่อว่า พล.ต.อ.ประวุฒิ เป็นผู้มีวุฒิภาวะและไม่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการหมิ่นสถาบัน แต่จะมีการสอบสวนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับกับดุลพินิจ ของพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้รับผิดชอบคดี
ส่วนกรณีที่มีนายทหารยศพันเอกเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดี ขณะนี้ยังอยู่ในสำนวนสอบสวน ซึ่งมีการประสานงานกับกองทัพอยู่แล้ว แต่ยังไม่แน่ใจในความเชื่อมโยงเพราะยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งหากพบว่าเกี่ยวข้องกับใครก็จะมีการจับเพิ่มเติม ขณะที่ข้าราชการตำรวจทั้ง 8 นาย ที่มีคำสั่งเข้ามาช่วยราชการ เบื้องต้นยังไม่มีความชัดเจนว่าเกี่ยวกับการกระทำความผิดเช่นกัน แต่จะต้องดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม นอกจากนี้ ยังได้ติดตามทรัพย์สินและสอบสวนญาติของนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง ที่มีการโอนทรัพย์สินไปให้ แต่จะต้องให้ความเป็นธรรมด้วยว่า ทรัพย์สินเหล่านั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีหรือไม่
ส่วนกรณีที่สารวัตรเอี๊ยด พยายามฝากนายศุกร์โข เข้ารับราชการตำรวจนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ซึ่งหากมีการฝากจริงต้องดูด้วยว่า นายศุกร์โข มีความรู้ความสามารถตรงตามตำแหน่งงานหรือไม่ เพราะเรื่องการฝากเป็นเรื่องปกติ ส่วนจะรับหรือไม่เป็นอีกเรื่อง และสำหรับกรณีที่หมอหยองแอบอ้างเป็นร่างทรง หากมีผู้เข้ามาร้องทุกข์กล่าวโทษ ก็สามารถดำเนินคดีเพิ่มเติมได้
นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวด้วยว่า ล่าสุด พล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ ที่ปรึกษา สบ 10 โทรศัพท์มารายงานว่าเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยแล้ว และไม่ได้ยื่นความประสงค์ว่าจะลาออกจากราชการ แต่หากไม่เดินทางมาทำงานเกิน 15 วัน ก็ต้องถือว่าขาดราชการและต้องออกจากราชการ ซึ่งขณะนี้ พล.ต.อ.ประวุฒิ ยังคงดูแลการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ ปั่นเพื่อพ่อ Bike for Dad อยู่เช่นเดิม ทั้งนี้ เชื่อว่า พล.ต.อ.ประวุฒิ เป็นผู้มีวุฒิภาวะและไม่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการหมิ่นสถาบัน แต่จะมีการสอบสวนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับกับดุลพินิจ ของพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้รับผิดชอบคดี