วันนี้ (19 ต.ค.) เวลา 11.45 น. ที่รัฐสภา องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ประกอบด้วย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สมาคมนักข่าวและโทรทัศน์ไทย และสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย นำโดย นายเทพชัย หย่อง ได้เข้ายื่นหนังสือต่อนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ผ่านนายธิติพันธุ์ เชื้อบุญชัย กรธ.เพื่อเสนอความคิดเห็นและข้อเสนอ แนะขององค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนเพื่อเป็นแนวทางการร่างรัฐธรรมนูญในหมวดที่เกี่ยวข้องกับสิทธิเสรีภาพของประชาชนและสื่อมวลชน ดังต่อไปนี้
1.รัฐธรรมนูญต้องมีหลักประกันเรื่องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะ เพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ นอกจากนี้ ยังควรมีบทบัญญัติในการป้องกันการ แทรกแซงสื่อมวลชน อาทิ ห้ามการสั่งปิดกิจการสื่อมวลชน การห้ามสื่อมวลชนเสนอข่าวหรือแสดงความคิดเห็นทั้งหมดหรือบางส่วน หรือการแทรกแซงด้วยวิธีการใดๆ และห้ามผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเจ้า ของกิจการหรือถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ หรือโทรคมนาคม
2.รัฐธรรมนูญต้องมีบทบัญญัติรับรองเสรีภาพของพนักงานหรือลูกจ้างของเอกชน รวมทั้งข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยงานราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐ วิสาหกิจที่ประกอบกิจการสื่อมวลชน ให้มีเสรีภาพในการเสนอข่าวและแสดงความคิดเห็นภายใต้ข้อจำกัดตามรัฐธรรมนูญ โดยไม่ตกอยู่ภายใต้อาณัติของหน่วยงานราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือเจ้าของ กิจการ แต่ต้องไม่ขัดต่อจริยธรรมแห่งการประกอบวิชาชีพสื่อ และ3.รัฐธรรมนูญต้องกำหนดให้คลื่นความถี่เป็นทรัพยากรสื่อสารของชาติเพื่อประโยชน์สาธารณะ และให้มีองค์กรของรัฐที่เป็นอิสระที่ทำหน้าที่จัดสรร คลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการ และ จัดให้ชุมชนท้องถิ่นให้สามารถเข้าถึง และมีส่วนร่วมในการดำเนินการสื่อมวลชนสาธารณะ
ผู้สื่อข่าวถามว่าเห็นอย่างไรกับการจัดตั้งองค์กรขึ้นมาควบคุมสื่อ นายเทพชัย กล่าวว่า แนวทางการตรวจสอบสื่อ กันเองเป็นวิธีที่ดีสุด เพราะหากมีองค์กรวาชีพขึ้นมาอาจอาจเป็นเรื่องอันตราย เช่น สามารถออกใบหรือ ถอนใบประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนได้ ซึ่งอาจเป็นสิ่งเย้ายวนให้คนเข้ามาแทรกแซง
1.รัฐธรรมนูญต้องมีหลักประกันเรื่องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะ เพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ นอกจากนี้ ยังควรมีบทบัญญัติในการป้องกันการ แทรกแซงสื่อมวลชน อาทิ ห้ามการสั่งปิดกิจการสื่อมวลชน การห้ามสื่อมวลชนเสนอข่าวหรือแสดงความคิดเห็นทั้งหมดหรือบางส่วน หรือการแทรกแซงด้วยวิธีการใดๆ และห้ามผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเจ้า ของกิจการหรือถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ หรือโทรคมนาคม
2.รัฐธรรมนูญต้องมีบทบัญญัติรับรองเสรีภาพของพนักงานหรือลูกจ้างของเอกชน รวมทั้งข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยงานราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐ วิสาหกิจที่ประกอบกิจการสื่อมวลชน ให้มีเสรีภาพในการเสนอข่าวและแสดงความคิดเห็นภายใต้ข้อจำกัดตามรัฐธรรมนูญ โดยไม่ตกอยู่ภายใต้อาณัติของหน่วยงานราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือเจ้าของ กิจการ แต่ต้องไม่ขัดต่อจริยธรรมแห่งการประกอบวิชาชีพสื่อ และ3.รัฐธรรมนูญต้องกำหนดให้คลื่นความถี่เป็นทรัพยากรสื่อสารของชาติเพื่อประโยชน์สาธารณะ และให้มีองค์กรของรัฐที่เป็นอิสระที่ทำหน้าที่จัดสรร คลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการ และ จัดให้ชุมชนท้องถิ่นให้สามารถเข้าถึง และมีส่วนร่วมในการดำเนินการสื่อมวลชนสาธารณะ
ผู้สื่อข่าวถามว่าเห็นอย่างไรกับการจัดตั้งองค์กรขึ้นมาควบคุมสื่อ นายเทพชัย กล่าวว่า แนวทางการตรวจสอบสื่อ กันเองเป็นวิธีที่ดีสุด เพราะหากมีองค์กรวาชีพขึ้นมาอาจอาจเป็นเรื่องอันตราย เช่น สามารถออกใบหรือ ถอนใบประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนได้ ซึ่งอาจเป็นสิ่งเย้ายวนให้คนเข้ามาแทรกแซง