นายเลอศักดิ์ ริ้วตระกูลไพบูลย์ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวว่า กรมฝนหลวงและการบินเกษตรปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อสนับสนุนการเติมน้ำในอ่างอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ขณะนี้ปริมาณน้ำทั้ง 4 เขื่อนเป็นไปตามเป้าที่วางไว้เดิม โดยปัจจุบัน (14 ต.ค.) เขื่อนภูมิพลมีปริมาณน้ำใช้การประมาณ 1,056 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนสิริกิติ์ ประมาณ 1,861 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนแควน้อยบำรุงแดนประมาณ 328 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ 469 ล้านลูกบาศก์เมตร รวม 4 เขื่อนจะมีปริมาณน้ำ 3,714 ล้านลูกบาศก์เมตร
อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาอีก 2 สัปดาห์ก่อนสิ้นเดือนตุลาคม กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ยังคงเดินหน้าเติมน้ำในเขื่อน โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนให้ถึง 4,400 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยคาดว่าจะสามารถเติมในเขื่อนภูมิพลให้ได้ประมาณ 150 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนสิริกิติ์ประมาณ 300 ล้านลูกบากศ์เมตร เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ประมาณ 300 ล้านลูกบากศ์เมตร เขื่อนแควน้อยบำรุงแดนประมาณ 60 ล้านลูกบากศ์เมตร รวมทั้งสิ้นประมาณ 810 ล้านลูกบาศก์เมตร
ทั้งนี้ เนื่องจากช่วงนี้ดินมีสภาพชุ่มชื้น ซึ่งจะส่งผลให้น้ำฝนที่ตกลงสู่พื้นดินจะกลายเป็นน้ำผิวดิน (น้ำท่า) ได้เร็วจึงจะไหลลงเขื่อนต่าง ๆ ได้มากขึ้น ดังนั้น จึงใช้โอกาสนี้เร่งปฏิบัติการก่อนที่สภาพอากาศจะไม่เอื้ออำนวย อ ย่างไรก็ตาม แม้จะมีน้ำใช้เพิ่มขึ้นแต่ยังคงไม่เพียงพอสำหรับฤดูแล้งนี้และฤดูฝนปีหน้า ดังนั้น จึงขอความร่วมมือจากเกษตรกรและผู้ใช้น้ำทุกภาคส่วนทำตามคำแนะนำจากภาครัฐเพื่อให้สามารถมีน้ำต้นทุนเพื่อการเกษตรในฤดูฝนต่อไป
อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาอีก 2 สัปดาห์ก่อนสิ้นเดือนตุลาคม กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ยังคงเดินหน้าเติมน้ำในเขื่อน โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนให้ถึง 4,400 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยคาดว่าจะสามารถเติมในเขื่อนภูมิพลให้ได้ประมาณ 150 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนสิริกิติ์ประมาณ 300 ล้านลูกบากศ์เมตร เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ประมาณ 300 ล้านลูกบากศ์เมตร เขื่อนแควน้อยบำรุงแดนประมาณ 60 ล้านลูกบากศ์เมตร รวมทั้งสิ้นประมาณ 810 ล้านลูกบาศก์เมตร
ทั้งนี้ เนื่องจากช่วงนี้ดินมีสภาพชุ่มชื้น ซึ่งจะส่งผลให้น้ำฝนที่ตกลงสู่พื้นดินจะกลายเป็นน้ำผิวดิน (น้ำท่า) ได้เร็วจึงจะไหลลงเขื่อนต่าง ๆ ได้มากขึ้น ดังนั้น จึงใช้โอกาสนี้เร่งปฏิบัติการก่อนที่สภาพอากาศจะไม่เอื้ออำนวย อ ย่างไรก็ตาม แม้จะมีน้ำใช้เพิ่มขึ้นแต่ยังคงไม่เพียงพอสำหรับฤดูแล้งนี้และฤดูฝนปีหน้า ดังนั้น จึงขอความร่วมมือจากเกษตรกรและผู้ใช้น้ำทุกภาคส่วนทำตามคำแนะนำจากภาครัฐเพื่อให้สามารถมีน้ำต้นทุนเพื่อการเกษตรในฤดูฝนต่อไป
