นายธาวิน อินทร์จำนงค์ รองเลขาธิการผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นประธานการประชุมจัดระเบียบและแก้ไขปัญหาผู้ค้ารุกล้ำบริเวณคลองโองอ่าง หรือสะพานเหล็ก ในเขตพื้นที่พระนคร และเขตสัมพันธวงศ์ โดยมีนายวัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เข้าร่วมหารือกับกลุ่มผู้ค้าเกือบ 200 ราย ซึ่งในระหว่างการประชุมตัวแทนผู้ค้าย่านสะพานเหล็กได้ยื่นข้อเสนอต่อกรุงเทพมหานคร 3ข้อ คือ ขอขยายระยะเวลาการรื้อถอนออกไปอย่างน้อย 6 เดือน พร้อมปรับปรุงพื้นที่ให้ค้าขายได้แบบเดิม และขอมีส่วนร่วมในการรื้อถอนกับทางกรุงเทพมหานครทุกขั้นตอน
นายวัลลภ กล่าวภายหลังหารือว่า การที่กรุงเทพมหานครมีคำสั่งรื้อถอนบริเวณคลองโอ่งอ่าง เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายเพราะผู้ค้ารุกล้ำพื้นที่สาธารณะ ขัดต่อ พ.ร.บ.โบราณสถานฯ ที่ขึ้นทะเบียนคลองโอ่งอ่างไว้แล้วตลอดแนวคลอง เนื่องจากเป็นคลองที่มีความสำคัญต่อการระบายน้ำ และเป็นคลองประวัติศาสตร์ ซึ่งขัดต่อมติคณะรัฐมนตรี และขัดต่อมติคณะกรรมการเกาะรัตนโกสินทร์ ทั้งนี้ ขอย้ำว่า กรุงเทพมหานครเป็นหน่วยงานกลางที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ที่ผ่านมานับตั้งแต่ปี 2543 ก็ปิดประกาศให้ผู้ค้าทราบมาโดยตลอด
นายวัลลภ กล่าวต่อไปว่า ในวันนี้กลุ่มผู้ค้าได้ขอความเห็นใจ โดยจะทำหนังสือผ่านสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอขยายระยะเวลารื้อถอนที่กรุงเทพมหานครกำหนดไว้ 20 ตุลาคมนี้ ซึ่งกรุงเทพมหานครพร้อมรับไว้พิจารณาและจะนำเสนอต่อคณะกรรมการคณะทำงานภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับกรุงเทพมหานครเพียงฝ่ายเดียวว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร พร้อมยืนยัน ต้องดำเนินการตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 44
นายวัลลภ กล่าวภายหลังหารือว่า การที่กรุงเทพมหานครมีคำสั่งรื้อถอนบริเวณคลองโอ่งอ่าง เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายเพราะผู้ค้ารุกล้ำพื้นที่สาธารณะ ขัดต่อ พ.ร.บ.โบราณสถานฯ ที่ขึ้นทะเบียนคลองโอ่งอ่างไว้แล้วตลอดแนวคลอง เนื่องจากเป็นคลองที่มีความสำคัญต่อการระบายน้ำ และเป็นคลองประวัติศาสตร์ ซึ่งขัดต่อมติคณะรัฐมนตรี และขัดต่อมติคณะกรรมการเกาะรัตนโกสินทร์ ทั้งนี้ ขอย้ำว่า กรุงเทพมหานครเป็นหน่วยงานกลางที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ที่ผ่านมานับตั้งแต่ปี 2543 ก็ปิดประกาศให้ผู้ค้าทราบมาโดยตลอด
นายวัลลภ กล่าวต่อไปว่า ในวันนี้กลุ่มผู้ค้าได้ขอความเห็นใจ โดยจะทำหนังสือผ่านสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอขยายระยะเวลารื้อถอนที่กรุงเทพมหานครกำหนดไว้ 20 ตุลาคมนี้ ซึ่งกรุงเทพมหานครพร้อมรับไว้พิจารณาและจะนำเสนอต่อคณะกรรมการคณะทำงานภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับกรุงเทพมหานครเพียงฝ่ายเดียวว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร พร้อมยืนยัน ต้องดำเนินการตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 44