นางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงการลงพื้นที่บริเวณเหมืองทองคำและบริเวณโดยรอบในบริเวณรอยต่อจังหวัดพิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ว่า หลังจากรับฟังข้อมูลจากทุกฝ่ายแล้ว จะตั้งคณะทำงานที่มีตัวแทนกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวง วิทยาศาสตร์ รวมทั้งผู้ว่าราชการ 3 จังหวัดในพื้นที่ นักวิชาการ และชาวบ้าน ศึกษาข้อเท็จจริงและเสนอแนวทางแก้ปัญหา ภายใน 1 เดือน ยืนยันว่า กระทรวงอุตสาหกรรมไม่มีอคติ หรือวาระแอบแฝงใดๆ หากจะอนุญาตให้ทำเหมือง เพื่อประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ ก็จะต้องไม่ให้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือชาวบ้านอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ นางอรรชกา ได้พบชาวบ้านกลุ่มต่อต้านเหมืองทองและเข้าไปดูการทำเหมืองแร่ทองคำชาตรี ของ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ซึ่งอยู่บริเวณรอยต่อจังหวัดพิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ รวมทั้งพบกับชาวบ้านอีกกลุ่มหนึ่ง ที่สนับสนุนการทำเหมือง
นายศิวะกร ช่วยค้ำชู ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ตำบลเขาเจ็ดลูก อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร ยืนยันว่า การทำเหมืองไม่มีผลกระทบตามที่กลุ่มคัดค้านอ้าง โดยในช่วงที่มีเหมืองเกิดขึ้นเมื่อปี 2544 ลูกบ้านของตนมีจำนวนประมาณ 300 กว่าคน ปัจจุบันเพิ่มเป็นกว่า 1,000 คน กลุ่มที่คัดค้านเป็นเพียงส่วนน้อย แต่ก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลผู้ที่เดือดร้อนอย่างจริงจัง
ด้าน บมจ.อัครา รีซอร์สเซส ชี้แจงว่า บริษัทดำเนินการทุกอย่างตามมาตรฐานสากล และบางเรื่อง เช่น มาตรฐานการใช้และการจัดการไซยาไนด์ ทำได้สูงกว่ามาตรฐานด้วยซ้ำ ส่วนปัญหาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ก็มีสถานีตรวจวัดคุณภาพน้ำและอากาศรอบพื้นที่กว่า 50 จุด ด้านการตรวจสุขภาพประชาชนที่ผ่านมา ยอมรับว่า ผลตรวจครั้งแรกพบสารโลหะหนักเกินค่ามาตรฐานกว่า 200 คนจากจำนวนผู้รับการตรวจกว่า 500 คน แต่เมื่อให้ปรับพฤติกรรมการกิน เช่น งดอาหารทะเล ขนมกรุบกรอบ ผลตรวจครั้งต่อๆ มาก็ไม่พบความผิดปกติ เช่นเดียวกับการตรวจสอบพืชผักต่างๆ ที่ปลูกในพื้นที่กว่า 200 ตัวอย่าง ไม่พบสารพิษตกค้างเกินค่าปกติแต่อย่างใด
ทั้งนี้ นางอรรชกา ได้พบชาวบ้านกลุ่มต่อต้านเหมืองทองและเข้าไปดูการทำเหมืองแร่ทองคำชาตรี ของ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ซึ่งอยู่บริเวณรอยต่อจังหวัดพิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ รวมทั้งพบกับชาวบ้านอีกกลุ่มหนึ่ง ที่สนับสนุนการทำเหมือง
นายศิวะกร ช่วยค้ำชู ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ตำบลเขาเจ็ดลูก อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร ยืนยันว่า การทำเหมืองไม่มีผลกระทบตามที่กลุ่มคัดค้านอ้าง โดยในช่วงที่มีเหมืองเกิดขึ้นเมื่อปี 2544 ลูกบ้านของตนมีจำนวนประมาณ 300 กว่าคน ปัจจุบันเพิ่มเป็นกว่า 1,000 คน กลุ่มที่คัดค้านเป็นเพียงส่วนน้อย แต่ก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลผู้ที่เดือดร้อนอย่างจริงจัง
ด้าน บมจ.อัครา รีซอร์สเซส ชี้แจงว่า บริษัทดำเนินการทุกอย่างตามมาตรฐานสากล และบางเรื่อง เช่น มาตรฐานการใช้และการจัดการไซยาไนด์ ทำได้สูงกว่ามาตรฐานด้วยซ้ำ ส่วนปัญหาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ก็มีสถานีตรวจวัดคุณภาพน้ำและอากาศรอบพื้นที่กว่า 50 จุด ด้านการตรวจสุขภาพประชาชนที่ผ่านมา ยอมรับว่า ผลตรวจครั้งแรกพบสารโลหะหนักเกินค่ามาตรฐานกว่า 200 คนจากจำนวนผู้รับการตรวจกว่า 500 คน แต่เมื่อให้ปรับพฤติกรรมการกิน เช่น งดอาหารทะเล ขนมกรุบกรอบ ผลตรวจครั้งต่อๆ มาก็ไม่พบความผิดปกติ เช่นเดียวกับการตรวจสอบพืชผักต่างๆ ที่ปลูกในพื้นที่กว่า 200 ตัวอย่าง ไม่พบสารพิษตกค้างเกินค่าปกติแต่อย่างใด
