พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ คงเรือง พนักงานสอบสวน สภ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้โรงรมยางพารา บ้านป่าแก่ เลขที่ 154 หมู่ที่ 4 ต.ทุ่งสง อ.นาบอน จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.ไชยยันต์ รัตนพงศ์ รอง ผกก.ป. และรถดับเพลิงเทศบาล ต.นาบอน เทศบาล ต.จันดี และเทศบาลเมืองทุ่งสง ร่วมกันดับเพลิงที่เกิดเหตุเป็นอาคารคอนกรีตโรงรมยางขนาดกลางเพลิงกำลังลุกโหมไหม้แผ่นยางดิบ และเตาเผาอย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต่างระดมฉีดน้ำ เพื่อทำการดับ แต่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากแผ่นยางดิบจำนวนมาก เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงเพลิงจึงสงบ ปรากฏว่าเตาเผารมยาง 6 เตา ถูกเพลิงไหม้เสียหายไป 4 เตา แผ่นยางพาราดิบที่รมควันเสร็จแล้วถูกเพลิงไหม้เสียหายกว่า 2 หมื่นกิโลกรัม และตัวอาคารเสียหายบางส่วน รวมค่าเสียหาย 2-3 ล้านบาท
จากการสอบสวน นางณัฐฐาวี ไกรนรา อายุ 45 ปี เจ้าของโรงรมยางทราบว่า อาคารดังกล่าวเป็นขององค์การสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) ซึ่งปล่อยทิ้งร้างไว้ และได้เช่าต่อเปิดเป็นโรงรมยางพารา โดยรับซื้อน้ำยางสดจากชาวสวนยาง มาทำเป็นยางแผ่นดิบก่อนที่จะนำไปรมในเตาเพื่อให้เป็นยางแผ่นชั้นที่ 3 เพื่อขายส่งให้กับองค์การสวนยางของ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก่อนเกิดเหตุขณะที่มีการนำยางแผ่นดิบไปรมควันในเตาจู่ๆ เพลิงได้ลุกไหม้ยางแผ่นดิบ และลุกลามไปทั่วบริเวณ สาเหตุคาดว่าไฟในเตาอาจจะร้อนจัดจนทำให้แผ่นยางละลายและติดไฟ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกองวิทยาการจะได้ตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
จากการสอบสวน นางณัฐฐาวี ไกรนรา อายุ 45 ปี เจ้าของโรงรมยางทราบว่า อาคารดังกล่าวเป็นขององค์การสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) ซึ่งปล่อยทิ้งร้างไว้ และได้เช่าต่อเปิดเป็นโรงรมยางพารา โดยรับซื้อน้ำยางสดจากชาวสวนยาง มาทำเป็นยางแผ่นดิบก่อนที่จะนำไปรมในเตาเพื่อให้เป็นยางแผ่นชั้นที่ 3 เพื่อขายส่งให้กับองค์การสวนยางของ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก่อนเกิดเหตุขณะที่มีการนำยางแผ่นดิบไปรมควันในเตาจู่ๆ เพลิงได้ลุกไหม้ยางแผ่นดิบ และลุกลามไปทั่วบริเวณ สาเหตุคาดว่าไฟในเตาอาจจะร้อนจัดจนทำให้แผ่นยางละลายและติดไฟ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกองวิทยาการจะได้ตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
