นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำภาคเอกชนไทย 15 บริษัท ประกอบด้วย ผู้ประกอบการสินค้าอาหาร เฟอร์นิเจอร์ วัสดุก่อสร้าง และของใช้ตกแต่งบ้าน จัดกิจกรรมเจรจาการค้า ผลักดันการส่งออกไปตลาดอิตาลีและสหภาพยุโรป (อียู) ในโอกาสความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-อิตาลี ครบรอบ 147 ปี ระหว่างวันที่ 6-9 ตุลาคมนี้ ที่สาธารณรัฐอิตาลี โดยมีผู้บริหารระดับสูงสภาหอการค้ามิลาน นักธุรกิจและผู้นำเข้าสินค้ารายใหญ่ของอิตาลี
โอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะกล่าวปาฐกถาพิเศษให้นักธุรกิจอิตาลีกว่า 80 บริษัท รับทราบนโยบายรัฐบาลไทย และโรดแมปความมุ่งมั่นของรัฐบาล ที่จะร่วมมือกับนานาชาติในด้านการค้าและการลงทุนทุกมิติ การปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์ เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ปลายปีนี้ ซึ่งอิตาลีและสมาชิกอียู สามารถใช้ประโยชน์จากไทย ในการเป็นประตูหลักเชื่อมโยงการค้าการลงทุนสู่อาเซียน และเรื่องนวัตกรรมด้านอาหารไทยที่มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ
ขณะเดียวกัน จะหาแนวทางความร่วมมือกับอิตาลี ในการพัฒนาธุรกิจ SMEs ไทย ในอุตสาหกรรมที่อิตาลีมีความชำนาญ อาทิ แฟชั่น เครื่องหนัง เครื่องประดับ
ทั้งนี้ มูลค่าการค้าระหว่างไทย-อิตาลี ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา มีมูลค่ารวม 1,934 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกไปอิตาลี 789 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากอิตาลี 1,144 ล้านเหรียญสหรัฐ
โอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะกล่าวปาฐกถาพิเศษให้นักธุรกิจอิตาลีกว่า 80 บริษัท รับทราบนโยบายรัฐบาลไทย และโรดแมปความมุ่งมั่นของรัฐบาล ที่จะร่วมมือกับนานาชาติในด้านการค้าและการลงทุนทุกมิติ การปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์ เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ปลายปีนี้ ซึ่งอิตาลีและสมาชิกอียู สามารถใช้ประโยชน์จากไทย ในการเป็นประตูหลักเชื่อมโยงการค้าการลงทุนสู่อาเซียน และเรื่องนวัตกรรมด้านอาหารไทยที่มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ
ขณะเดียวกัน จะหาแนวทางความร่วมมือกับอิตาลี ในการพัฒนาธุรกิจ SMEs ไทย ในอุตสาหกรรมที่อิตาลีมีความชำนาญ อาทิ แฟชั่น เครื่องหนัง เครื่องประดับ
ทั้งนี้ มูลค่าการค้าระหว่างไทย-อิตาลี ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา มีมูลค่ารวม 1,934 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกไปอิตาลี 789 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากอิตาลี 1,144 ล้านเหรียญสหรัฐ