นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีกังวลสถานการณ์ปริมาณฝนที่ตกลงมาน้อยและตกใต้เขื่อน จนมีผลกระทบต่อการเพาะปลูกข้าวนาปรังและพืชที่ใช้น้ำมากไม่สามารถส่งน้ำให้ได้ จึงให้กรมทรัพยากรน้ำ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพิ่มศักยภาพการกักเก็บปริมาณน้ำฝนให้มากขึ้นช่วงหน้าฝนที่เหลือ 2-3 เดือน โดยเฉพาะลำน้ำหลักและลำน้ำสาขา เพื่อมีน้ำต้นทุนใช้อุปโภค-บริโภคช่วงหน้าแล้งปีหน้าอย่างเพียงพอ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กำชับให้สร้างแหล่งกักเก็บน้ำบริเวณลำน้ำหลักที่จะไหลลงลำน้ำต่างๆ เช่น ลำน้ำโขง ชี มูล ที่ไหลลงแม่น้ำโขง แม่น้ำสาละวิน โดยให้เร่งศึกษาการสร้างแก้มลิงขนาดใหญ่ในรูปแบบทะเลสาบได้หรือไม่ ในเบื้องต้นกรมทรัพยากรน้ำได้เสนอพื้นที่เหมาะสมให้พิจารณาแล้วประมาณ 4-5 แห่ง เพื่อศึกษาถึงความเป็นไปได้และมีผลกระทบอย่างไรหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมามีปริมาณน้ำจากลำน้ำสาขาของประเทศไทยไหลลงแม่น้ำโขงกว่า 30 แห่ง เฉลี่ยวันละ 150 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งต้องหาแนวทางชะลอน้ำดังกล่าวไหลเข้าไปกักเก็บในแหล่งเก็บน้ำสาธารณประโยชน์ตามธรรมชาติทั้งขนาดกลางและขนาดเล็กในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลาง เพื่อใช้ในหน้าแล้งปีหน้าได้
อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กล่าวว่า จากปริมาณฝนปีนี้ตกลงมาในค่าเฉลี่ยที่น้อยล่าช้า และตกใต้เขื่อน มีผลต่อหน้าแล้งปีหน้ามีน้ำไม่เพียงพอต่อการอุปโภค-บริโภคแน่นอน จึงอยากให้คนไทยใช้น้ำอย่างประหยัดและรู้คุณค่ามากที่สุด เพื่อให้มีปริมาณน้ำเพียงพอใช้ทั่วประเทศในปีหน้าและปีต่อๆ ไป เพราะน้ำในเขื่อนหลักกักเก็บน้ำได้ต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยค่อนข้างน่ากังวล
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กำชับให้สร้างแหล่งกักเก็บน้ำบริเวณลำน้ำหลักที่จะไหลลงลำน้ำต่างๆ เช่น ลำน้ำโขง ชี มูล ที่ไหลลงแม่น้ำโขง แม่น้ำสาละวิน โดยให้เร่งศึกษาการสร้างแก้มลิงขนาดใหญ่ในรูปแบบทะเลสาบได้หรือไม่ ในเบื้องต้นกรมทรัพยากรน้ำได้เสนอพื้นที่เหมาะสมให้พิจารณาแล้วประมาณ 4-5 แห่ง เพื่อศึกษาถึงความเป็นไปได้และมีผลกระทบอย่างไรหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมามีปริมาณน้ำจากลำน้ำสาขาของประเทศไทยไหลลงแม่น้ำโขงกว่า 30 แห่ง เฉลี่ยวันละ 150 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งต้องหาแนวทางชะลอน้ำดังกล่าวไหลเข้าไปกักเก็บในแหล่งเก็บน้ำสาธารณประโยชน์ตามธรรมชาติทั้งขนาดกลางและขนาดเล็กในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลาง เพื่อใช้ในหน้าแล้งปีหน้าได้
อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กล่าวว่า จากปริมาณฝนปีนี้ตกลงมาในค่าเฉลี่ยที่น้อยล่าช้า และตกใต้เขื่อน มีผลต่อหน้าแล้งปีหน้ามีน้ำไม่เพียงพอต่อการอุปโภค-บริโภคแน่นอน จึงอยากให้คนไทยใช้น้ำอย่างประหยัดและรู้คุณค่ามากที่สุด เพื่อให้มีปริมาณน้ำเพียงพอใช้ทั่วประเทศในปีหน้าและปีต่อๆ ไป เพราะน้ำในเขื่อนหลักกักเก็บน้ำได้ต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยค่อนข้างน่ากังวล