พ.ต.อ.ประพันธ์ศักด์ ประสานสุข ผกก.ตม.จว.ชลบุรี พ.ต.ท.รัชทพงศ์ เตี้ยสุด รอง.ผกก.ตม.จว.ชลบุรี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ ร่วมจับกุม Mr.Khatami Shahram อายุ 40 ปี สัญชาติตุรกี ในข้อหาปลอมแปลงหนังสือเดินทาง และใช้หนังสือเดินทางปลอมโดยผิดกฎหมาย
สืบเนื่องจากเมื่อช่วงบ่ายของวันเดียวกัน Mr.Shahram ได้เดินทางมาที่สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี เพื่อขออนุญาตต่ออายุหนังสือเดินทาง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบหนังสืบเดินทางพบพิรุธหลายจุด ประกอบด้วย Mr. Shahram มีสัญชาติเข้าข่ายที่ต้องตรวจสอบเป็นพิเศษ จึงขอเชิญตัวมาสอบสวน
จากการใช้เครื่องตรวจจับหนังสือเดินทางปลอม ที่มีเฉพาะสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี ทำให้ทราบว่าหนังสือเดินทางที่นำมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ถูกปลอมแปลงขึ้น ซึ่งวิธีการคือ ใช้หนังสือเดินทางฉบับจริงของผู้อื่นมาดัดแปลง โดยนำรูปและข้อมูลของ Mr.Shahram พิมพ์ทับซ้อนเข้าไปจนแนบเนียนเสมือนหนังสือเดินทางฉบับจริง ซึ่งตำรวจจะเรียกวิธีการนี้ว่า “การผ่าหนังสื่อเดินทาง”
ทั้งนี้ Mr.Shahram ยอมรับสารภาพว่า เดินทางเข้ามาอยู่ประเทศไทยเพื่อทำธุรกิจได้ประมาณ 10 ปีแล้ว โดยขอวีซ่านักท่องเที่ยว ต่อมาหนังเดินทางฉบับจริงเกิดหาย ทำให้ไม่สามารถทำธุรกรรมทางธุรกิจได้ จึงติดต่อไปยังคนรู้จักสัญชาติเดียวกันที่รับทำหนังสือเดินทางปลอม เพียงแค่ส่งชื่อและข้อมูลไปเท่านั้น จะได้หนังสือเดินทางเสมือนจริงในราคาฉบับล่ะ 70,000 บาท แต่สุดท้ายมาโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ในที่สุด ส่วนผู้ที่รับทำหนังสือเดินทางปลอม เจ้าหน้าที่ได้พยายามติดต่อตามข้อมูลที่ผู้ต้องหาให้การ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงควบคุมตัว Mr.Shahram ส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา เพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
สืบเนื่องจากเมื่อช่วงบ่ายของวันเดียวกัน Mr.Shahram ได้เดินทางมาที่สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี เพื่อขออนุญาตต่ออายุหนังสือเดินทาง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบหนังสืบเดินทางพบพิรุธหลายจุด ประกอบด้วย Mr. Shahram มีสัญชาติเข้าข่ายที่ต้องตรวจสอบเป็นพิเศษ จึงขอเชิญตัวมาสอบสวน
จากการใช้เครื่องตรวจจับหนังสือเดินทางปลอม ที่มีเฉพาะสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี ทำให้ทราบว่าหนังสือเดินทางที่นำมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ถูกปลอมแปลงขึ้น ซึ่งวิธีการคือ ใช้หนังสือเดินทางฉบับจริงของผู้อื่นมาดัดแปลง โดยนำรูปและข้อมูลของ Mr.Shahram พิมพ์ทับซ้อนเข้าไปจนแนบเนียนเสมือนหนังสือเดินทางฉบับจริง ซึ่งตำรวจจะเรียกวิธีการนี้ว่า “การผ่าหนังสื่อเดินทาง”
ทั้งนี้ Mr.Shahram ยอมรับสารภาพว่า เดินทางเข้ามาอยู่ประเทศไทยเพื่อทำธุรกิจได้ประมาณ 10 ปีแล้ว โดยขอวีซ่านักท่องเที่ยว ต่อมาหนังเดินทางฉบับจริงเกิดหาย ทำให้ไม่สามารถทำธุรกรรมทางธุรกิจได้ จึงติดต่อไปยังคนรู้จักสัญชาติเดียวกันที่รับทำหนังสือเดินทางปลอม เพียงแค่ส่งชื่อและข้อมูลไปเท่านั้น จะได้หนังสือเดินทางเสมือนจริงในราคาฉบับล่ะ 70,000 บาท แต่สุดท้ายมาโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ในที่สุด ส่วนผู้ที่รับทำหนังสือเดินทางปลอม เจ้าหน้าที่ได้พยายามติดต่อตามข้อมูลที่ผู้ต้องหาให้การ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงควบคุมตัว Mr.Shahram ส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา เพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป