พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการวิพากษ์วิจารณ์การเผยแพร่ภาพเสื้อเกราะติดระเบิดว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการควบคุมตัวชายชาวต่างชาติว่า จากการเผยแพร่ภาพข่าวต่างๆ ในโซเชียลมีเดียอย่างแพร่หลายในขณะนี้ ศูนย์ติดตามสถานการณ์ คสช.ขอแจ้งว่า ภาพทางการในการแถลงการณ์ร่วมระหว่างตนกับ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เกี่ยวกับการจับกุมผู้ต้องสงสัยวางระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา มีเพียง 4 ภาพเท่านั้นที่เป็นภาพอุปกรณ์ประกอบระเบิด และหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ปลอม นอกเหนือจากนั้นเป็นภาพของสื่อมวลชนเองทั้งสิ้น จึงขอความร่วมมือประชาชนให้ระมัดระวังสำหรับการวิจารณ์และเผยแพร่ หลีกเลี่ยงการนำไปเชื่อมโยงต่อประเด็นใดประเด็นหนึ่ง ที่อาจส่งผลกระทบทางลบต่อประเทศชาติ
แหล่งข่าวระดับสูงจาก คสช. เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีทหาร และตำรวจควบคุมชายต่างชาติที่เป็นผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์และท่าเรือสาทรว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารได้สอบปากคำผู้ต้องสงสัยตลอดทั้งคืนวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยได้บันทึกคำให้การไว้ทั้งหมดอย่างละเอียด ซึ่งในวันนี้ (30 ส.ค.) เจ้าหน้าที่จะสอบปากคำเพิ่มเติมอีก ทั้งเรื่องการเช่าห้องพัก และอุปกรณ์ประกอบระเบิดต่างๆ ที่พบภายในห้องพัก รวมถึงพาสปอร์ตปลอม อีกทั้งอาจเกี่ยวข้องกับการดำเนินการค้ามนุษย์ด้วยหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะนำกล้องวงจรปิดของหอพักและบริเวณโดยรอบหอพักไปตรวจสอบด้วยว่า มีบุคคลที่เดินเข้าออกภายในหอพักอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มาเช่าห้องพักว่าเป็นใคร ในชั้นนี้ยังไม่ตัดประเด็นหนึ่งประเด็นใดทิ้ง เพราะต้องสอบสวนอีกหลายประเด็น เนื่องจากสามารถนำมาเกี่ยวโยงกันได้ทั้งหมด ส่วนตัวชายผู้ต้องสงสัยนั้นขณะนี้ยังถูกควบคุมตัวอยู่ใน กองพันทหารราบมณฑลทหารบกที่ 11 (พันร.มทบ.11) อาศัยอำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ในฐานความผิดคดีความมั่นคง
แหล่งข่าวระดับสูงจาก คสช. เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีทหาร และตำรวจควบคุมชายต่างชาติที่เป็นผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์และท่าเรือสาทรว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารได้สอบปากคำผู้ต้องสงสัยตลอดทั้งคืนวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยได้บันทึกคำให้การไว้ทั้งหมดอย่างละเอียด ซึ่งในวันนี้ (30 ส.ค.) เจ้าหน้าที่จะสอบปากคำเพิ่มเติมอีก ทั้งเรื่องการเช่าห้องพัก และอุปกรณ์ประกอบระเบิดต่างๆ ที่พบภายในห้องพัก รวมถึงพาสปอร์ตปลอม อีกทั้งอาจเกี่ยวข้องกับการดำเนินการค้ามนุษย์ด้วยหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะนำกล้องวงจรปิดของหอพักและบริเวณโดยรอบหอพักไปตรวจสอบด้วยว่า มีบุคคลที่เดินเข้าออกภายในหอพักอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มาเช่าห้องพักว่าเป็นใคร ในชั้นนี้ยังไม่ตัดประเด็นหนึ่งประเด็นใดทิ้ง เพราะต้องสอบสวนอีกหลายประเด็น เนื่องจากสามารถนำมาเกี่ยวโยงกันได้ทั้งหมด ส่วนตัวชายผู้ต้องสงสัยนั้นขณะนี้ยังถูกควบคุมตัวอยู่ใน กองพันทหารราบมณฑลทหารบกที่ 11 (พันร.มทบ.11) อาศัยอำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ในฐานความผิดคดีความมั่นคง