นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากกรณีเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ กระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือวิทยุด่วนที่สุด ลงวันที่ 27 สิงหาคม 2558 แจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดถือปฏิบัติ ดังนี้
1. การกำหนดคำเรียกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอให้ทุกหน่วยงานใช้คำว่า "การก่อเหตุรุนแรง เพื่อก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว" และให้ทุกหน่วยงานหลีกเลี่ยงข้อความ "ก่อการร้ายหรือก่อวินาศกรรม" โดยไม่ให้มีการกล่าวถึงความเกี่ยวข้องของชาวอุยกูร์ในเหตุการณ์นี้ เนื่องจากจะทำให้เกิดปัญหา และผลกระทบในระดับนานาชาติได้
2. ในการรายงานข้อมูลผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ทั้งที่เป็นชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างเป็นทางการ มีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ โดยจะมีการปรับข้อมูลในเวลา 09.00 น. และ 18.00 น. ของทุกวัน ทั้งนี้ สตช.จะรับข้อมูลโดยตรงจากศูนย์เอราวัณ จึงขอให้ทุกหน่วยงานใช้ข้อมูลจาก สตช.เท่านั้น เพื่อป้องกันการสับสน
3. ให้สร้างการรับรู้และนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชน โดยไม่หลงเชื่อข้อมูลที่มีการส่งต่อกันในโซเชียลมีเดีย
4. ภาครัฐต้องให้ข้อมูลข่าวสารกับประชาชนถึงความคืบหน้าของสถานการณ์ แนวทางการดำเนินการของรัฐที่ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง
5. กรณีการจับกุมผู้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก แจ้งเตือนการก่อเหตุนั้น ขอให้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่าเป็นความผิดตามกฎหมายและมีบทลงโทษอย่างไร และ
6. ขอให้เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเฝ้าระวัง และแจ้งเหตุผิดปกติแก่ทางราชการ รวมทั้งการช่วยเหลือในการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง โดยขอให้ช่วยกันระมัดระวังในเรื่องนี้อย่างเต็มที่
1. การกำหนดคำเรียกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอให้ทุกหน่วยงานใช้คำว่า "การก่อเหตุรุนแรง เพื่อก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว" และให้ทุกหน่วยงานหลีกเลี่ยงข้อความ "ก่อการร้ายหรือก่อวินาศกรรม" โดยไม่ให้มีการกล่าวถึงความเกี่ยวข้องของชาวอุยกูร์ในเหตุการณ์นี้ เนื่องจากจะทำให้เกิดปัญหา และผลกระทบในระดับนานาชาติได้
2. ในการรายงานข้อมูลผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ทั้งที่เป็นชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างเป็นทางการ มีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ โดยจะมีการปรับข้อมูลในเวลา 09.00 น. และ 18.00 น. ของทุกวัน ทั้งนี้ สตช.จะรับข้อมูลโดยตรงจากศูนย์เอราวัณ จึงขอให้ทุกหน่วยงานใช้ข้อมูลจาก สตช.เท่านั้น เพื่อป้องกันการสับสน
3. ให้สร้างการรับรู้และนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชน โดยไม่หลงเชื่อข้อมูลที่มีการส่งต่อกันในโซเชียลมีเดีย
4. ภาครัฐต้องให้ข้อมูลข่าวสารกับประชาชนถึงความคืบหน้าของสถานการณ์ แนวทางการดำเนินการของรัฐที่ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง
5. กรณีการจับกุมผู้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก แจ้งเตือนการก่อเหตุนั้น ขอให้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่าเป็นความผิดตามกฎหมายและมีบทลงโทษอย่างไร และ
6. ขอให้เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเฝ้าระวัง และแจ้งเหตุผิดปกติแก่ทางราชการ รวมทั้งการช่วยเหลือในการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง โดยขอให้ช่วยกันระมัดระวังในเรื่องนี้อย่างเต็มที่