พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ชี้แจงกรณีกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ของกรุงเทพมหานคร บริเวณแยกราชประสงค์ ถูกกล่าวหาว่าไม่สามารถใช้การได้ โดยเฉพาะบริเวณที่เกิดเหตุ
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า กทม.ทำงานร่วมกับตำรวจและฝ่ายความมั่นคงทุกด้าน รวมทั้งการสำเนาภาพจากกล้อง CCTV ของ กทม.โดยทันทีที่เกิดเหตุการณ์ระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ เขตปทุมวัน เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมา ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ลงพื้นที่ทันทีเพื่ออำนวยความสะดวกในพื้นที่ พร้อมสั่งการให้มีการตรวจสอบภาพบริเวณที่เกิดเหตุจากกล้อง CCTV ของ กทม.เพื่อสนับสนุนการทำงานของฝ่ายความมั่นคง ซึ่งบริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุมีจำนวนทั้งสิ้น 107 ตัว ชำรุดเพียง 4 ตัว ซึ่งเป็นการชำรุดตามอายุการใช้งานและได้ซ่อมแซมทันทีเมื่อตรวจพบ ไม่ได้ชำรุดเป็นจำนวนมากหรือไม่มีประสิทธิภาพตามที่เป็นข่าว
นอกจากนี้ ตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา กทม.ให้การสนับสนุนภาพจาก CCTV ของ กทม.แก่ฝ่ายความมั่นคงอย่างเต็มที่ตามที่ร้องขอรวมจำนวน 48 ครั้ง ด้วยความยินดีทุกครั้ง เพื่อใช้ในการสืบสวนและนำไปประกอบคดี ซึ่งจากเหตุการณ์อาชญากรรมหรืออุบัติเหตุต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ หลายคดีก็สามารถจับตัวผู้ต้องสงสัยได้เพราะกล้อง CCTV ของ กทม.รวมทั้งยังสนับสนุนภารกิจด้านต่างๆ ตามที่ร้องขอทุกครั้ง อย่างไรก็ตาม หลักฐานประกอบคดีบริเวณแยกราชประสงค์ไม่ได้ใช้เฉพาะแต่กล้อง CCTV ของ กทม.ยังต้องมีหลักฐานวัตถุ พยานบุคคลและอื่นๆ ในการประกอบการสืบสวนสอบสวนและทำสำนวนคดี โดยกล้อง CCTV เป็นเพียงอุปกรณ์หนึ่งที่ใช้ในการตรวจสอบเท่านั้น
พล.ต.ต.วิชัย ย้ำว่า กล้อง CCTV บริเวณแยกราชประสงค์เพียง 1 ตัว ไม่ได้ทำให้รูปคดีเสียและโปรดอย่าเอาความบกพร่องของกล้องบางจุดมาตีความว่ากล้อง CCTV ทั่วกรุงเทพฯ ไร้ประสิทธิภาพทุกจุด บางจุดที่เห็นภาพไม่ชัดเจน ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและระยะห่าง อีกทั้งขึ้นอยู่กับประเภทการใช้งานของกล้องแต่ละชนิดด้วย เช่น กล้อง CCTV เพื่อความมั่นคง และกล้อง CCTV เพื่อการจราจร เป็นต้น ขอยืนยันว่ากล้อง CCTV ของ กทม.มีมาตรฐาน
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า กทม.ทำงานร่วมกับตำรวจและฝ่ายความมั่นคงทุกด้าน รวมทั้งการสำเนาภาพจากกล้อง CCTV ของ กทม.โดยทันทีที่เกิดเหตุการณ์ระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ เขตปทุมวัน เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมา ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ลงพื้นที่ทันทีเพื่ออำนวยความสะดวกในพื้นที่ พร้อมสั่งการให้มีการตรวจสอบภาพบริเวณที่เกิดเหตุจากกล้อง CCTV ของ กทม.เพื่อสนับสนุนการทำงานของฝ่ายความมั่นคง ซึ่งบริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุมีจำนวนทั้งสิ้น 107 ตัว ชำรุดเพียง 4 ตัว ซึ่งเป็นการชำรุดตามอายุการใช้งานและได้ซ่อมแซมทันทีเมื่อตรวจพบ ไม่ได้ชำรุดเป็นจำนวนมากหรือไม่มีประสิทธิภาพตามที่เป็นข่าว
นอกจากนี้ ตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา กทม.ให้การสนับสนุนภาพจาก CCTV ของ กทม.แก่ฝ่ายความมั่นคงอย่างเต็มที่ตามที่ร้องขอรวมจำนวน 48 ครั้ง ด้วยความยินดีทุกครั้ง เพื่อใช้ในการสืบสวนและนำไปประกอบคดี ซึ่งจากเหตุการณ์อาชญากรรมหรืออุบัติเหตุต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ หลายคดีก็สามารถจับตัวผู้ต้องสงสัยได้เพราะกล้อง CCTV ของ กทม.รวมทั้งยังสนับสนุนภารกิจด้านต่างๆ ตามที่ร้องขอทุกครั้ง อย่างไรก็ตาม หลักฐานประกอบคดีบริเวณแยกราชประสงค์ไม่ได้ใช้เฉพาะแต่กล้อง CCTV ของ กทม.ยังต้องมีหลักฐานวัตถุ พยานบุคคลและอื่นๆ ในการประกอบการสืบสวนสอบสวนและทำสำนวนคดี โดยกล้อง CCTV เป็นเพียงอุปกรณ์หนึ่งที่ใช้ในการตรวจสอบเท่านั้น
พล.ต.ต.วิชัย ย้ำว่า กล้อง CCTV บริเวณแยกราชประสงค์เพียง 1 ตัว ไม่ได้ทำให้รูปคดีเสียและโปรดอย่าเอาความบกพร่องของกล้องบางจุดมาตีความว่ากล้อง CCTV ทั่วกรุงเทพฯ ไร้ประสิทธิภาพทุกจุด บางจุดที่เห็นภาพไม่ชัดเจน ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและระยะห่าง อีกทั้งขึ้นอยู่กับประเภทการใช้งานของกล้องแต่ละชนิดด้วย เช่น กล้อง CCTV เพื่อความมั่นคง และกล้อง CCTV เพื่อการจราจร เป็นต้น ขอยืนยันว่ากล้อง CCTV ของ กทม.มีมาตรฐาน
