พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาค 4 ได้เชิญตัวแทนมูลนิธิผสานวัฒนธรรม และองค์กรสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ รวม 9 องค์กร เข้าร่วมประชุมหารือ เพื่อแสวงหาแนวทางและมาตรการการตรวจเก็บดีเอ็นเอในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี พล.ท.นพวงศ์ สุระวิชัย แม่ทัพน้อยภาค 4 พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจ ในฐานะผู้แทนจากศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสงขลา เข้าร่วมประชุม
ในที่ประชุม กองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ชี้แจงขั้นตอนการปฏิบัติและหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมาตรการที่เป็นรูปธรรม เพื่อขจัดการตรวจบัตรประชาชน หรือการจับกุมบนพื้นฐานของการมุ่งปฏิบัติการไปที่เชื้อชาติใดเชื้อชาติหนึ่ง รวมถึงการทบทวนการใช้กฎหมายพิเศษด้านความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เทียบเท่ามาตรฐานระหว่างประเทศ
ขณะที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐานที่ 10 ได้ชี้แจงเหตุผลในการเก็บดีเอ็นเอ และขั้นตอนในการเก็บดีเอ็นเอ ตามหลักมาตรฐานด้วย และสำนักการบังคับใช้กฎหมายและสิทธิมนุษยชน ชี้แจงมาตรการที่บังคับใช้เพื่อติดตามตรวจสอบผลการบังคับใช้กฎหมายพิเศษในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงมาตรการที่จะปกป้องคุ้มครองให้ภาคประชาสังคมไม่ถูกข่มขู่หรือคุกคาม และมาตรการที่จะใช้สอบสวนข้อกล่าวหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน
แม่ทัพภาค 4 กล่าวว่า การพูดคุยร่วมกันครั้งนี้เพื่อที่จะร่วมมือกันในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และนำความสันติสุขกลับคืนมาแก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ ซึ่งประเด็นที่ทางมูลนิธิผสานวัฒนธรรม และองค์กรสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ มีความประสงค์ที่จะขอเข้าพบเพื่อหารือแสวงหาแนวทางและมาตรการในการตรวจเก็บดีเอ็นเอในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการแก้ปัญหา ในการพบกันเพื่อสร้างความเข้าใจ ทั้งในส่วนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่และองค์กรสิทธิมนุษยชน ที่เป็นเสียงสะท้อนมาจากคนในพื้นที่ โดยในส่วนของการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ภายใต้การอำนวยการ ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จะปฏิบัติภายใต้กรอบของกฎหมายที่กำหนด อำนวยความยุติธรรมให้แก่ทุกฝ่าย และจะไม่สร้างเงื่อนไขที่ฝ่ายตรงข้ามจะใช้เป็นเงื่อนไขสู่สากล
ในที่ประชุม กองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ชี้แจงขั้นตอนการปฏิบัติและหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมาตรการที่เป็นรูปธรรม เพื่อขจัดการตรวจบัตรประชาชน หรือการจับกุมบนพื้นฐานของการมุ่งปฏิบัติการไปที่เชื้อชาติใดเชื้อชาติหนึ่ง รวมถึงการทบทวนการใช้กฎหมายพิเศษด้านความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เทียบเท่ามาตรฐานระหว่างประเทศ
ขณะที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐานที่ 10 ได้ชี้แจงเหตุผลในการเก็บดีเอ็นเอ และขั้นตอนในการเก็บดีเอ็นเอ ตามหลักมาตรฐานด้วย และสำนักการบังคับใช้กฎหมายและสิทธิมนุษยชน ชี้แจงมาตรการที่บังคับใช้เพื่อติดตามตรวจสอบผลการบังคับใช้กฎหมายพิเศษในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงมาตรการที่จะปกป้องคุ้มครองให้ภาคประชาสังคมไม่ถูกข่มขู่หรือคุกคาม และมาตรการที่จะใช้สอบสวนข้อกล่าวหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน
แม่ทัพภาค 4 กล่าวว่า การพูดคุยร่วมกันครั้งนี้เพื่อที่จะร่วมมือกันในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และนำความสันติสุขกลับคืนมาแก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ ซึ่งประเด็นที่ทางมูลนิธิผสานวัฒนธรรม และองค์กรสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ มีความประสงค์ที่จะขอเข้าพบเพื่อหารือแสวงหาแนวทางและมาตรการในการตรวจเก็บดีเอ็นเอในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการแก้ปัญหา ในการพบกันเพื่อสร้างความเข้าใจ ทั้งในส่วนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่และองค์กรสิทธิมนุษยชน ที่เป็นเสียงสะท้อนมาจากคนในพื้นที่ โดยในส่วนของการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ภายใต้การอำนวยการ ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จะปฏิบัติภายใต้กรอบของกฎหมายที่กำหนด อำนวยความยุติธรรมให้แก่ทุกฝ่าย และจะไม่สร้างเงื่อนไขที่ฝ่ายตรงข้ามจะใช้เป็นเงื่อนไขสู่สากล