องค์การอนามัยโลก ระบุว่า ผลการวิจัยเบื้องต้นบ่งชี้ว่า วัคซีนทดลองชื่อ VSV-EBOV ที่วิจัยโดยสำนักงานสาธารณสุขของแคนาดา และทำการผลิตโดยบริษัทเมอร์ค ผู้ผลิตยารายใหญ่ของสหรัฐฯ เพื่อใช้ต้านไวรัสอีโบลาสามารถป้องกันโรคระหว่างร้อยละ 75-100 และอาจจะสร้างความสำเร็จครั้งใหญ่ในเรื่องการป้องกันโรคนี้ ระบุว่าผลการวิจัยในคลินิกทดลองในประเทศกินีในแอฟริกาตะวันตก ปรากฏผลเป็นที่น่าพอใจ มีการตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์แลนเซตฉบับล่าสุด อาจจะเป็นจุดพลิกผันให้องค์การอนามัยโลกสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคนี้ได้สำเร็จในอนาคตอันใกล้ แต่เพิ่มเติมว่าการทดลองยังอยู่ในช่วงต้นๆ เท่านั้น ยังต้องทดลองซ้ำอีกหลายครั้ง
ก่อนหน้านี้ ไม่เคยมีวัคซีนหรือยาต้านไวรัสอีโบลา โดยเฉพาะในระยะแรกๆ ที่โรคอีโบลาแพร่ระบาดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยเริ่มต้นจากประเทศกินีในแอฟริกาตะวันตก เมื่อเดือนธันวาคม 2556 โดยรวมมีคนเสียชีวิตจากโรคอีโบลากว่า 11,000 ศพ และมีคนติดเชื้อนี้เกือบ 28,000 คนในประเทศกินี ไลบีเรีย และเซียร์ราลีโอน ในแอฟริกาตะวันตก แต่สถานการณ์ในขณะนี้ลดลงมาก แม้ว่าจะเริ่มพบคนไข้รายใหม่ 2-3 รายเมื่อไม่นานมานี้
ก่อนหน้านี้ ไม่เคยมีวัคซีนหรือยาต้านไวรัสอีโบลา โดยเฉพาะในระยะแรกๆ ที่โรคอีโบลาแพร่ระบาดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยเริ่มต้นจากประเทศกินีในแอฟริกาตะวันตก เมื่อเดือนธันวาคม 2556 โดยรวมมีคนเสียชีวิตจากโรคอีโบลากว่า 11,000 ศพ และมีคนติดเชื้อนี้เกือบ 28,000 คนในประเทศกินี ไลบีเรีย และเซียร์ราลีโอน ในแอฟริกาตะวันตก แต่สถานการณ์ในขณะนี้ลดลงมาก แม้ว่าจะเริ่มพบคนไข้รายใหม่ 2-3 รายเมื่อไม่นานมานี้