วันนี้ (16 ก.ค. ) เวลา 15.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล สำนักโฆษกเปิดเผยว่า ศูนย์แก้ไขปัญหาความมั่นคงแบบบูรณาการ กระทรวงกลาโหม ได้รายงานผลการดำเนินงานของศูนย์ฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีประเด็นสำคัญได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเกี่ยวกับการทุจริตการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการตรวจสอบการทุจริตทุกมิติอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ป.ป.ท. ได้สุ่มตรวจสอบ 30 อำเภอ ใน 14 จังหวัดทั่วประเทศพบว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐใน 2 พื้นที่ ได้แก่ ต.วังตะเฆ่ อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ และ ต.หนองไทร อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ซึ่งมีการกระทำการทุจริตเรียกรับเงินส่วนแบ่งจากชาวนารายละ 100 - 200 บาท เป็นเงินตอบแทนในการลงลายมือชื่อรับรองพื้นที่ หากชาวนารายใดมีพื้นที่ทำนาน้อยกว่าที่แจ้ง หรือน้อยกว่าเอกสารสิทธิ์ ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ต้องแก้ไขแบบขอรับการช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่จะเรียกร้องเงินรายละ 3,000 – 7,000 บาท ซึ่ง ป.ป.ท. ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้ว เพื่อดำเนินการตาม พ.ร.บ.มาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2551 อย่างจริงจังต่อไป
นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้มีบัญชาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย กองทัพบก สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ดำเนินการติดตามสืบสวนเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมีการเผยแพร่ข้อความ และภาพประเด็นกระแสข่าวการปฏิวัติ/รัฐประหารซ้อนผ่านสื่อออนไลน์ นำไปสู่การจับกุมผู้กระทำความผิดดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วต่อไป
ทั้งนี้ ป.ป.ท. ได้สุ่มตรวจสอบ 30 อำเภอ ใน 14 จังหวัดทั่วประเทศพบว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐใน 2 พื้นที่ ได้แก่ ต.วังตะเฆ่ อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ และ ต.หนองไทร อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ซึ่งมีการกระทำการทุจริตเรียกรับเงินส่วนแบ่งจากชาวนารายละ 100 - 200 บาท เป็นเงินตอบแทนในการลงลายมือชื่อรับรองพื้นที่ หากชาวนารายใดมีพื้นที่ทำนาน้อยกว่าที่แจ้ง หรือน้อยกว่าเอกสารสิทธิ์ ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ต้องแก้ไขแบบขอรับการช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่จะเรียกร้องเงินรายละ 3,000 – 7,000 บาท ซึ่ง ป.ป.ท. ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้ว เพื่อดำเนินการตาม พ.ร.บ.มาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2551 อย่างจริงจังต่อไป
นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้มีบัญชาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย กองทัพบก สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ดำเนินการติดตามสืบสวนเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมีการเผยแพร่ข้อความ และภาพประเด็นกระแสข่าวการปฏิวัติ/รัฐประหารซ้อนผ่านสื่อออนไลน์ นำไปสู่การจับกุมผู้กระทำความผิดดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วต่อไป