จากกรณีที่มีการแชร์ในโซเซียลมีเดีย ระบุมหาวิทยาลัยนเรศวร ปฏิเสธรับนักศึกษาพยาบาลมุสลิม เนื่องจากคลุมฮีญาบเป็นอุปสรรคในการเรียนนั้น รศ.ดร.พูลสุข หิงคานนท์ คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เปิดเผยว่า จากเรื่องดังกล่าวนี้ นักศึกษาคนดังกล่าวมาจากระบบแอดมิชชันกลาง มาเข้าในคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ในวันสัมภาษณ์ มีรองคณบดีเป็นผู้สัมภาษณ์ วันที่มาสัมภาษณ์มาด้วยเครื่องแบบนักเรียนไม่คลุมฮิญาบ
แต่ในวันรายงานตัวมีการคลุมฮิญาบมารายงานตัว เมื่อเห็นจึงได้สอบถามว่าได้รับการอธิบายหรือไม่ ในวันสัมภาษณ์ในเรื่องการสวมใส่ฮิญาบในช่วงปฏิบัติ จึงทราบว่ายังไม่ได้มีการอธิบาย จึงได้เรียกมาคุยเพื่ออธิบาย และสอบถามว่าไปปรึกษากับผู้ปกครองหรือไม่ว่า ในบางครั้งการปฏิบัติหน้าที่ต้องมีการถอดฮิญาบออก เนื่องจากไม่สามารถใส่กับชุดฟอร์มเวลาเข้าปฏิบัติหน้าที่ในช่วงปีที่ 3, 4 ได้
เนื่องจากช่วงปีดังกล่าวจะต้องเริ่มฝึกปฏิบัติ เข้าห้องผ่าตัด ซึ่งต้องการการปลอดเชื้อจึงไม่สามารถใส่ฮิญาบเข้าไปได้ และในบางโรงพยาบาลก็ไม่อนุญาตให้ใส่ฮิญาบ
ซึ่งนักศึกษาแจ้งว่าไม่สามารถถอดได้ต้องกลับไปถามผู้ปกครองก่อน ที่ผ่านมามีนักศึกษาหญิงมุสลิมที่เข้ามาเรียนในคณะหลายราย และไม่มีใครเคยใส่ฮิญาบขึ้นตึก ดูแลคนไข้ หรือเข้าห้องผ่าตัด ยกเว้นเฉพาะในช่วงเวลาเรียนสามารถใส่ได้ตามปกติ จึงให้ติดต่อผู้ปกครอง ซึ่งได้อธิบายให้กับผู้ปกครองให้เข้าใจ ว่าสามารถคลุมในช่วงเวลาเรียนตามปกติ แต่ในบางวิชาท่านั้นที่จะต้องถอดออก เนื่องจากทางโรงพยาบาลที่ทางมหาวิทยาลัยส่งนักศึกษาไปฝึกงาน ไม่อนุญาตให้ใส่ฮิญาบ เนื่องจากจะต้องมีการดูแลคนไข้ หรือเข้าห้องผ่าตัดที่ต้องการ การปลอดเชื้อ เป็นเรื่องในอนาคต แต่หากเมื่อเรียนไปถึงปี 3 แล้วรับหลักการไม่ได้ต้องลาออกไป จะเรื่องที่น่าเสียดาย
ในขณะเดียวกันมีนักศึกษาที่นับถือศาสนาอิสลามที่เข้ามาพร้อมกัน สามารถรับหลักการได้ โดยไม่ต้องเชิญผู้ปกครองเข้ามาพูดคุย ทั้งนี้ที่ผ่านมาก็มีนักศึกษามุสลิมเข้ามาเรียนในคณะพยาบาลอย่างต่อเนื่อง เวลาเรียนปกติก็จะคลุมฮิญาบแต่ช่วงเวลาที่ต้องฝึกปฏิบัติขึ้นวอร์ด ก็จะถอดฮิญาบออก หลังจากที่ได้พูดคุยกับผู้ปกครองของเรียบร้อย โดยผู้ปกครองเข้าใจเป็นอย่างดี และพร้อมที่จะให้ผู้เรียนเข้าเรียนตามปกติ
หลังจากนั้นได้รับการติดต่อจากผู้เรียนว่าไม่สามารถปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติได้ ซึ่งได้อธิบายอีกครั้งว่าระเบียบที่นักศึกษาต้องถอดฮิญาบในบางช่วงเวลานั้นอีกนาน แต่ผู้เรียนยังยืนยันที่จะลาออก ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยได้ให้ความสำคัญและดูแลนักศึกษามุสลิมเป็นอย่างดี ในกรณีนี้ได้พยายามอธิบายถึงข้อปฏิบัติแล้ว และไม่เคยคิดรังเกียจและกีดกัน และพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ หากต้องการกลับเข้ามาเรียนทางมหาวิทยาลัยก็พร้อมที่จะให้กลับเข้ามา
แต่ในวันรายงานตัวมีการคลุมฮิญาบมารายงานตัว เมื่อเห็นจึงได้สอบถามว่าได้รับการอธิบายหรือไม่ ในวันสัมภาษณ์ในเรื่องการสวมใส่ฮิญาบในช่วงปฏิบัติ จึงทราบว่ายังไม่ได้มีการอธิบาย จึงได้เรียกมาคุยเพื่ออธิบาย และสอบถามว่าไปปรึกษากับผู้ปกครองหรือไม่ว่า ในบางครั้งการปฏิบัติหน้าที่ต้องมีการถอดฮิญาบออก เนื่องจากไม่สามารถใส่กับชุดฟอร์มเวลาเข้าปฏิบัติหน้าที่ในช่วงปีที่ 3, 4 ได้
เนื่องจากช่วงปีดังกล่าวจะต้องเริ่มฝึกปฏิบัติ เข้าห้องผ่าตัด ซึ่งต้องการการปลอดเชื้อจึงไม่สามารถใส่ฮิญาบเข้าไปได้ และในบางโรงพยาบาลก็ไม่อนุญาตให้ใส่ฮิญาบ
ซึ่งนักศึกษาแจ้งว่าไม่สามารถถอดได้ต้องกลับไปถามผู้ปกครองก่อน ที่ผ่านมามีนักศึกษาหญิงมุสลิมที่เข้ามาเรียนในคณะหลายราย และไม่มีใครเคยใส่ฮิญาบขึ้นตึก ดูแลคนไข้ หรือเข้าห้องผ่าตัด ยกเว้นเฉพาะในช่วงเวลาเรียนสามารถใส่ได้ตามปกติ จึงให้ติดต่อผู้ปกครอง ซึ่งได้อธิบายให้กับผู้ปกครองให้เข้าใจ ว่าสามารถคลุมในช่วงเวลาเรียนตามปกติ แต่ในบางวิชาท่านั้นที่จะต้องถอดออก เนื่องจากทางโรงพยาบาลที่ทางมหาวิทยาลัยส่งนักศึกษาไปฝึกงาน ไม่อนุญาตให้ใส่ฮิญาบ เนื่องจากจะต้องมีการดูแลคนไข้ หรือเข้าห้องผ่าตัดที่ต้องการ การปลอดเชื้อ เป็นเรื่องในอนาคต แต่หากเมื่อเรียนไปถึงปี 3 แล้วรับหลักการไม่ได้ต้องลาออกไป จะเรื่องที่น่าเสียดาย
ในขณะเดียวกันมีนักศึกษาที่นับถือศาสนาอิสลามที่เข้ามาพร้อมกัน สามารถรับหลักการได้ โดยไม่ต้องเชิญผู้ปกครองเข้ามาพูดคุย ทั้งนี้ที่ผ่านมาก็มีนักศึกษามุสลิมเข้ามาเรียนในคณะพยาบาลอย่างต่อเนื่อง เวลาเรียนปกติก็จะคลุมฮิญาบแต่ช่วงเวลาที่ต้องฝึกปฏิบัติขึ้นวอร์ด ก็จะถอดฮิญาบออก หลังจากที่ได้พูดคุยกับผู้ปกครองของเรียบร้อย โดยผู้ปกครองเข้าใจเป็นอย่างดี และพร้อมที่จะให้ผู้เรียนเข้าเรียนตามปกติ
หลังจากนั้นได้รับการติดต่อจากผู้เรียนว่าไม่สามารถปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติได้ ซึ่งได้อธิบายอีกครั้งว่าระเบียบที่นักศึกษาต้องถอดฮิญาบในบางช่วงเวลานั้นอีกนาน แต่ผู้เรียนยังยืนยันที่จะลาออก ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยได้ให้ความสำคัญและดูแลนักศึกษามุสลิมเป็นอย่างดี ในกรณีนี้ได้พยายามอธิบายถึงข้อปฏิบัติแล้ว และไม่เคยคิดรังเกียจและกีดกัน และพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ หากต้องการกลับเข้ามาเรียนทางมหาวิทยาลัยก็พร้อมที่จะให้กลับเข้ามา