ดร.สุทธิพร ปทุมเทวาภิบาล รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) เข้ายื่นหนังสือต่อ รศ.ดร.พินิติ รตะนานุกูล เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เพื่อขอให้ สกอ. ติดตามการอุทธรณ์คำสั่ง และการไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามมติสภามหาวิทยาลัยของนายกสภามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ซึ่งมี รศ.นพ.สรนิต ศิลธรรม รองเลขาธิการ กกอ. เป็นผู้รับหนังสือแทน
โดยดร.สุทธิพร กล่าวว่าขอให้ สกอ. ช่วยพิจารณา และยืนยันว่ามติของสภามหาวิทยาลัยเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องปฏิบัติตามหรือไม่ ซึ่งในเบื้องต้นได้รับการชี้แจงจาก สกอ. ว่า สกอ.ได้มอบอำนาจในการบริหารจัดการให้แก่สภามหาวิทยาลัยทุกแห่งแล้ว ดังนั้นคำสั่งสภาฯ จะถือเป็นคำสั่งปกครองที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม แต่ต้องเป็นการประชุมสภาฯที่ถูกต้อง และเป็นมติของเสียงส่วนใหญ่ แต่ทั้งนี้หากคำสั่งดังกล่าวไม่ถูกต้องในมุมมองของผู้เสียประโยชน์ หรือเสียสิทธิ์ใดๆ ก็สามารถดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลปกครองได้
ทั้งนี้ในการประชุมสภาฯ เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.2558 ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ ภราดาบัญชา แสงหิรัญ อธิการบดีมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว เนื่องจากถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดในเรื่องการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และมีพฤติกรรมน่าสงสัยในเรื่องการเงินอันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง และสร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้แก่มหาวิทยาลัย อาทิ โครงการเครื่องบินฝึกจำลอง มูลค่าประมาณ 350 ล้านบาท ซึ่งอธิการบดีไม่ทำตามมติสภาฯ ที่ให้มหาวิทยาลัยลงทุน 15 ล้านบาทในบริษัท ไฟลท์ ซิมมูเลเตอร์ กรุ๊ป จำกัด ในโครงการเครื่องฝึกบินจำลอง แต่อธิการบดีดำเนินการซื้อหุ้นของบริษัททั้งหมดประมาณ 350 ล้านบาท และไม่สามารถหาลูกค้าได้ จึงต้องขายบริษัทออกไป และแม้จะได้เงินคืนทั้งหมด แต่คาดการณ์ว่าจะก่อให้เกิดความเสียหายให้แก่มหาวิทยาลัยประมาณ 60 ล้านบาทจากการหักภาษีในการซื้อขาย เป็นต้น นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีมติให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนอธิการบดีในเรื่องดังกล่าว และมีมติแต่งตั้งให้ตนทำหน้าที่รักษาการอธิการบดีแทนด้วย แต่มติต่างๆ เหล่านี้นายกสภาฯ ไม่ยอมลงนาม ที่ประชุมจึงแต่งตั้งให้ภราดาวิศิษฐ์ ศรีวิชัยรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของสภาฯ เป็นผู้ลงนามแทน โดยมีคำสั่งในมติดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 22 มิ.ย.2558
สำหรับระเบียบเกี่ยวกับผู้ที่จะลงนามในคำสั่งมติสภาฯ ดร.สุทธิพร กล่าวว่า จากการศึกษากฎระเบียบต่างๆ ของทางมหาวิทยาลัยพบว่า มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญไม่มีระเบียบที่กำหนดชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษรว่า เมื่อสภามีมติแล้วต้องให้นายกสภาฯ เป็นผู้ออกคำสั่งซ้ำอีกครั้ง แต่ที่ผ่านมาโดยธรรมเนียมปฏิบัติเมื่อมีมติสภา ทางนายกสภาฯ ก็จะลงนามคำสั่งมติสภา เพราะต้องปฏิบัติตามมติสภา แต่ครั้งนี้นายกสภาฯ ไม่ยอมลงนาม ดังนั้นที่ประชุมจึงต้องแต่งตั้งภราดาวิศิษฐ์เป็นผู้ลงนามในคำสั่งมติสภาฯแทน
โดยดร.สุทธิพร กล่าวว่าขอให้ สกอ. ช่วยพิจารณา และยืนยันว่ามติของสภามหาวิทยาลัยเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องปฏิบัติตามหรือไม่ ซึ่งในเบื้องต้นได้รับการชี้แจงจาก สกอ. ว่า สกอ.ได้มอบอำนาจในการบริหารจัดการให้แก่สภามหาวิทยาลัยทุกแห่งแล้ว ดังนั้นคำสั่งสภาฯ จะถือเป็นคำสั่งปกครองที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม แต่ต้องเป็นการประชุมสภาฯที่ถูกต้อง และเป็นมติของเสียงส่วนใหญ่ แต่ทั้งนี้หากคำสั่งดังกล่าวไม่ถูกต้องในมุมมองของผู้เสียประโยชน์ หรือเสียสิทธิ์ใดๆ ก็สามารถดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลปกครองได้
ทั้งนี้ในการประชุมสภาฯ เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.2558 ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ ภราดาบัญชา แสงหิรัญ อธิการบดีมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว เนื่องจากถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดในเรื่องการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และมีพฤติกรรมน่าสงสัยในเรื่องการเงินอันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง และสร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้แก่มหาวิทยาลัย อาทิ โครงการเครื่องบินฝึกจำลอง มูลค่าประมาณ 350 ล้านบาท ซึ่งอธิการบดีไม่ทำตามมติสภาฯ ที่ให้มหาวิทยาลัยลงทุน 15 ล้านบาทในบริษัท ไฟลท์ ซิมมูเลเตอร์ กรุ๊ป จำกัด ในโครงการเครื่องฝึกบินจำลอง แต่อธิการบดีดำเนินการซื้อหุ้นของบริษัททั้งหมดประมาณ 350 ล้านบาท และไม่สามารถหาลูกค้าได้ จึงต้องขายบริษัทออกไป และแม้จะได้เงินคืนทั้งหมด แต่คาดการณ์ว่าจะก่อให้เกิดความเสียหายให้แก่มหาวิทยาลัยประมาณ 60 ล้านบาทจากการหักภาษีในการซื้อขาย เป็นต้น นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีมติให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนอธิการบดีในเรื่องดังกล่าว และมีมติแต่งตั้งให้ตนทำหน้าที่รักษาการอธิการบดีแทนด้วย แต่มติต่างๆ เหล่านี้นายกสภาฯ ไม่ยอมลงนาม ที่ประชุมจึงแต่งตั้งให้ภราดาวิศิษฐ์ ศรีวิชัยรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของสภาฯ เป็นผู้ลงนามแทน โดยมีคำสั่งในมติดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 22 มิ.ย.2558
สำหรับระเบียบเกี่ยวกับผู้ที่จะลงนามในคำสั่งมติสภาฯ ดร.สุทธิพร กล่าวว่า จากการศึกษากฎระเบียบต่างๆ ของทางมหาวิทยาลัยพบว่า มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญไม่มีระเบียบที่กำหนดชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษรว่า เมื่อสภามีมติแล้วต้องให้นายกสภาฯ เป็นผู้ออกคำสั่งซ้ำอีกครั้ง แต่ที่ผ่านมาโดยธรรมเนียมปฏิบัติเมื่อมีมติสภา ทางนายกสภาฯ ก็จะลงนามคำสั่งมติสภา เพราะต้องปฏิบัติตามมติสภา แต่ครั้งนี้นายกสภาฯ ไม่ยอมลงนาม ดังนั้นที่ประชุมจึงต้องแต่งตั้งภราดาวิศิษฐ์เป็นผู้ลงนามในคำสั่งมติสภาฯแทน