เมื่อวันที่ 7 ก.ค. นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ประกอบด้วยสมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ว่า กกร.ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ลง จากเดิมที่เคยคาดว่า จะเติบโต 3.5% เหลือ 3% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อการส่งออก มากกว่าที่คาด จึงปรับลดเป้าส่งออกปีนี้ลงด้วย จากเดิมที่คาดไว้ว่าจะเติบโตไม่ถึง 1% เป็นติดลบ 2%
ทั้งนี้ ภาวะเศรษฐกิจไทยเดือนพ.ค. พบว่า เศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวค่อยเป็นค่อยไป โดยการท่องเที่ยวยังรักษาระดับการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการลงทุนภาครัฐเบิกจ่ายได้มากขึ้นและมีแนวโน้มเร่งขึ้น จึงคาดว่า จะมีเม็ดเงินสะพัดในช่วงไตรมาส 3 เป็นต้นไป แต่ครึ่งปีหลังภาพรวมการลงทุนของเอกชนยังคงเปราะบาง ตามความเชื่อมั่นของทั้งผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมที่ลดลงต่อเนื่อง
นอกจากนี้ กกร. ยังได้แสดงความกังวลถึงสถานการณ์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ที่อาจได้รับผลกระทบจากวิกฤติหนี้กรีซ รวมทั้งการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนที่อาจเป็นแรงกดดันเพิ่มเติมต่อการฟื้น ตัวการส่งออกในระยะถัดไป เบื้องต้นประเมินว่าผลการตัดสินใจผ่านการทำประชามติของกรีซจะส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินและภาคส่งออกไทยเพียงแค่ในระยะสั้น โดยกระทบต่อค่าเงินบาทของไทยในช่วงสั้นและคาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34 บาทต่อดอลลาร์ แต่คงไม่ได้อ่อนค่ามากได้ในระยะยาว
ส่วนด้านการค้าไทยมีการส่งออกและนำเข้าไปยังกรีซไม่มากนักเพียง 0.1% ส่วนด้านการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวกรีซมาไทยมีเพียง 0.08% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดหรือราว 20,000 คนต่อปี ทำให้ความเสี่ยงด้านการท่องเที่ยวอยู่ในระดับต่ำ ด้านภาคการค้า คาดว่าจะได้รับผลกระทบโดยตรงไม่มาก เนื่องจากมูลค่าการนำเข้าและส่งออกของไทยกับกรีซในปี 58 คิดเป็นสัดส่วนน้อยกว่า 0.1% ของมูลค่าการนำเข้าและส่งออกทั้งหมดของไทย
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างกรีซและกลุ่มเจ้าหนี้อย่างต่อเนื่อง ว่าจะส่งผลในวงกว้างต่อการฟื้นตัวของคู่ค้าอื่นๆ ของไทยในกลุ่มยูโรโซน (สัดส่วนส่งออก 6%) มากน้อยขนาดไหน
ทั้งนี้ ภาวะเศรษฐกิจไทยเดือนพ.ค. พบว่า เศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวค่อยเป็นค่อยไป โดยการท่องเที่ยวยังรักษาระดับการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการลงทุนภาครัฐเบิกจ่ายได้มากขึ้นและมีแนวโน้มเร่งขึ้น จึงคาดว่า จะมีเม็ดเงินสะพัดในช่วงไตรมาส 3 เป็นต้นไป แต่ครึ่งปีหลังภาพรวมการลงทุนของเอกชนยังคงเปราะบาง ตามความเชื่อมั่นของทั้งผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมที่ลดลงต่อเนื่อง
นอกจากนี้ กกร. ยังได้แสดงความกังวลถึงสถานการณ์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ที่อาจได้รับผลกระทบจากวิกฤติหนี้กรีซ รวมทั้งการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนที่อาจเป็นแรงกดดันเพิ่มเติมต่อการฟื้น ตัวการส่งออกในระยะถัดไป เบื้องต้นประเมินว่าผลการตัดสินใจผ่านการทำประชามติของกรีซจะส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินและภาคส่งออกไทยเพียงแค่ในระยะสั้น โดยกระทบต่อค่าเงินบาทของไทยในช่วงสั้นและคาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34 บาทต่อดอลลาร์ แต่คงไม่ได้อ่อนค่ามากได้ในระยะยาว
ส่วนด้านการค้าไทยมีการส่งออกและนำเข้าไปยังกรีซไม่มากนักเพียง 0.1% ส่วนด้านการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวกรีซมาไทยมีเพียง 0.08% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดหรือราว 20,000 คนต่อปี ทำให้ความเสี่ยงด้านการท่องเที่ยวอยู่ในระดับต่ำ ด้านภาคการค้า คาดว่าจะได้รับผลกระทบโดยตรงไม่มาก เนื่องจากมูลค่าการนำเข้าและส่งออกของไทยกับกรีซในปี 58 คิดเป็นสัดส่วนน้อยกว่า 0.1% ของมูลค่าการนำเข้าและส่งออกทั้งหมดของไทย
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างกรีซและกลุ่มเจ้าหนี้อย่างต่อเนื่อง ว่าจะส่งผลในวงกว้างต่อการฟื้นตัวของคู่ค้าอื่นๆ ของไทยในกลุ่มยูโรโซน (สัดส่วนส่งออก 6%) มากน้อยขนาดไหน
