นายคำนูญ สิทธิสมาน โฆษกกรรมธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ โพสต์เฟซบุ๊ก "Kamnoon Sidhisamarn" แสดงความคิดเห็นต่อกรณีการสรรหา ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ เพื่อมาแทนนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท.คนปัจจุบัน ที่ครบวาระ โดยหยิกยกกรณีที่นายประสาร เคยปฏิเสธไม่ให้รัฐบาลนำเงินจากกองทุนสำรองระหว่างประเทศที่มีประมาณ 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6 ล้านล้านบาท) ไปตั้งกองทุนโดยไม่นำเงินบาทมาแลกตามครรลอง ขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลปัจจุบันคิดไตร่ตรองให้ดีเพื่อไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
ข้อความดังนี้
ไม่ได้เขียนอะไรยาว ๆ มานาน วันนี้จะขอเขียนสักหน่อย แต่ไม่ใช่เรื่องการเมือง เป็นเรื่องการเงิน
เรื่องผู้ว่าฯแบงก์ชาติคนใหม่
คุณความดีประการสำคัญที่สุดของผู้ว่าฯประสาร ไตรรัตน์วรกุลตลอดเวลาที่ดำรงตำแหน่ง 5 ปีคือรักษาแบงก์ชาติไว้ให้เป็นอิสระจากฝ่ายการเมืองได้ในระดับสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ตามใจฝ่ายการเมืองที่พยายามจะเข้ามาล้วงทุนสำรองระหว่างประเทศออกที่มีอยู่ประมาณ 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 6 ล้านล้านบาทออกไปจำนวนหนึ่งเพื่อตั้งกองทุนโดยไม่เอาเงินบาทมาแลกไปตามครรลอง จนฝ่ายการเมืองคืบคลานเข้ามาในบอร์ดแบงก์ชาติและพยายามหาหนทางให้ท่านพ้นตำแหน่งโดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดทั้งทางกฎหมายระเบียบข้อบังคับรวมทั้งข้อมูลข่าวสารและวาทกรรมที่แสดงต่อสาธารณะ
ฝ่ายการเมืองพยายามบอกว่าทุนสำรองฯเรามีมากไป เก็บไว้เฉย ๆ เป็นการไม่ฉลาด ควรตัดบางส่วนออกไปหาประโยชน์ที่สูงกว่า
ผู้ว่าฯแบงก์ชาติที่ใกล้เวลาจะมีคำว่าอดีตนำหน้าตอบโต้ว่าทุนสำรองฯไม่ใช่ความมั่งคั่งของเรา แต่เป็นเสมือนเงินที่เรารับฝากจากนักลงทุนที่นำเงินตราต่างประเทศมาแลกเป็นเงินบาทไปลงทุนในประเทศ ต้องมีพร้อมไว้ในกรณีที่เขามาแลกคืนเพื่อนำเงินออกนอกประเทศ แค่ไหนถึงจะเรียกว่ามีมากไปต้องคิดให้ดี
จะตัดไปตั้งกองทุนฯอะไรก็ได้ แต่ขอให้คำนึงหลักการข้างต้น และที่สำคัญที่สุดคือจะเอาดอลลาร์สหรัฐในทุนสำรองฯออกไปเท่าไรรัฐบาลต้องเอาเงินบาทมาแลกไป เอาไปเฉย ๆ ไม่ได้
เพราะหากเอาไปเฉย ๆ ก็ไม่ต่างกับรัฐบาลพิมพ์เงินบาทใช้เอง จะเป็นอันตรายในหลายมิติ
ฝ่ายการเมืองเลยเงียบ ๆ ไป
ทุนสำรองฯรอดปลอดภัยมาตลอด 5 ปีเพราะคนชื่อประสาร ไตรรัตน์วรกุล และคนอื่น ๆ ที่ร่วมแรงร่วมใจกันสนับสนุนในทุกทาง
แล้วว่าที่ผู้ว่าฯแบงก์ชาติคนใหม่จะเดินตามหนทางว่าที่อดีตผู้ว่าฯไหม ?
เป็นประเด็นที่น่าสนใจยิ่ง !
แคนดิเดทที่ตอนนี้เหลือ 2 คนแม้ไม่ได้พูดเรื่องนี้โดยตรง แต่จากแนวความคิดก็น่าจะพอมองเห็นได้ในระดับหนึ่ง
คนหนุ่มกว่าที่โซเชี่ยลมีเดียคาดว่าน่าจะเข้าวิน ถึงขั้นเผยแพร่ประวัติออกมาล่วงหน้าเป็นอาทิตย์ ๆ นั้นดูจากแนวคิดแม้จะไม่ได้พูดเรื่องทุนสำรองฯโดยตรง ก็น่าจะเดินแนวทางอนุรักษ์นิยมทางเศรษฐกิจมากกว่า ทุนสำรองฯน่าจะปลอดภัยในระดับหนึ่ง
คนหนุ่มใหญ่กว่ามาจากภาคธุรกิจการเงินโดยตรง น่าจะมีแนวคิดโลดโผนเร้าใจกว่า และที่สำคัญเท่าที่จำได้ท่านเคยมีแนวคิดให้สัมภาษณ์ในทำนองควรนำทุนสำรองฯออกมาใช้ให้เกิดดอกออกผลมากกว่าเก็บไว้เฉย ๆ แต่จะนำออกมาในลักษณะใดนั้นผมจำรายละเอียดไม่ได้ชัด
ใครจะเป็นผู้ว่าฯแบงก์ชาติคนใหม่จึงน่าจะมีผลต่อทุนสำรองฯแตกต่างกัน
อย่างน้อยก็ในด้านแนวคิด
ผู้ว่าฯแบงก์ชาติมีเทอม 5 ปี เป็นแล้วเปลี่ยนไม่ได้ง่ายนัก เพราะกฎหมายวางหลักไว้ให้เป็นอิสระจากฝ่ายการเมืองในระดับสำคัญ
เทอม 5 ปีนี้น่าจะยาวเกินยุครัฐบาลคสช.ไปแล้วด้วย
ฝ่ายการเมืองในยุคหน้า ไม่ว่าจะปีหน้าปีโน้นหรืออีกเกิน 2 หรือ 3 หรือ 4 ปีข้างหน้า ถ้ามาจากกลุ่มที่มีแนวคิดนำทุนสำรองฯออกมาตั้งกองทุนโน่นนี่นั่น ก็คงคุยกับผู้ว่าฯคนใหม่ง่ายกว่าผู้ว่าฯคนเก่าแน่ในกรณีที่แคนดิเดทคนหลังที่อาวุโสกว่าเข้าวิน
ถ้าเป็นแคนดิเดทคนแรกที่หนุ่มกว่าเข้าวิน ทุนสำรองฯน่าจะปลอดภัยกว่าในระดับสำคัญ
รัฐบาลนี้ช่วยตัดสินใจให้รอบคอบรอบด้านด้วยนะ
ประวัติศาสตร์จะได้ไม่เกิดขึ้นซ้ำรอยอีกครั้ง !
ข้อความดังนี้
ไม่ได้เขียนอะไรยาว ๆ มานาน วันนี้จะขอเขียนสักหน่อย แต่ไม่ใช่เรื่องการเมือง เป็นเรื่องการเงิน
เรื่องผู้ว่าฯแบงก์ชาติคนใหม่
คุณความดีประการสำคัญที่สุดของผู้ว่าฯประสาร ไตรรัตน์วรกุลตลอดเวลาที่ดำรงตำแหน่ง 5 ปีคือรักษาแบงก์ชาติไว้ให้เป็นอิสระจากฝ่ายการเมืองได้ในระดับสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ตามใจฝ่ายการเมืองที่พยายามจะเข้ามาล้วงทุนสำรองระหว่างประเทศออกที่มีอยู่ประมาณ 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 6 ล้านล้านบาทออกไปจำนวนหนึ่งเพื่อตั้งกองทุนโดยไม่เอาเงินบาทมาแลกไปตามครรลอง จนฝ่ายการเมืองคืบคลานเข้ามาในบอร์ดแบงก์ชาติและพยายามหาหนทางให้ท่านพ้นตำแหน่งโดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดทั้งทางกฎหมายระเบียบข้อบังคับรวมทั้งข้อมูลข่าวสารและวาทกรรมที่แสดงต่อสาธารณะ
ฝ่ายการเมืองพยายามบอกว่าทุนสำรองฯเรามีมากไป เก็บไว้เฉย ๆ เป็นการไม่ฉลาด ควรตัดบางส่วนออกไปหาประโยชน์ที่สูงกว่า
ผู้ว่าฯแบงก์ชาติที่ใกล้เวลาจะมีคำว่าอดีตนำหน้าตอบโต้ว่าทุนสำรองฯไม่ใช่ความมั่งคั่งของเรา แต่เป็นเสมือนเงินที่เรารับฝากจากนักลงทุนที่นำเงินตราต่างประเทศมาแลกเป็นเงินบาทไปลงทุนในประเทศ ต้องมีพร้อมไว้ในกรณีที่เขามาแลกคืนเพื่อนำเงินออกนอกประเทศ แค่ไหนถึงจะเรียกว่ามีมากไปต้องคิดให้ดี
จะตัดไปตั้งกองทุนฯอะไรก็ได้ แต่ขอให้คำนึงหลักการข้างต้น และที่สำคัญที่สุดคือจะเอาดอลลาร์สหรัฐในทุนสำรองฯออกไปเท่าไรรัฐบาลต้องเอาเงินบาทมาแลกไป เอาไปเฉย ๆ ไม่ได้
เพราะหากเอาไปเฉย ๆ ก็ไม่ต่างกับรัฐบาลพิมพ์เงินบาทใช้เอง จะเป็นอันตรายในหลายมิติ
ฝ่ายการเมืองเลยเงียบ ๆ ไป
ทุนสำรองฯรอดปลอดภัยมาตลอด 5 ปีเพราะคนชื่อประสาร ไตรรัตน์วรกุล และคนอื่น ๆ ที่ร่วมแรงร่วมใจกันสนับสนุนในทุกทาง
แล้วว่าที่ผู้ว่าฯแบงก์ชาติคนใหม่จะเดินตามหนทางว่าที่อดีตผู้ว่าฯไหม ?
เป็นประเด็นที่น่าสนใจยิ่ง !
แคนดิเดทที่ตอนนี้เหลือ 2 คนแม้ไม่ได้พูดเรื่องนี้โดยตรง แต่จากแนวความคิดก็น่าจะพอมองเห็นได้ในระดับหนึ่ง
คนหนุ่มกว่าที่โซเชี่ยลมีเดียคาดว่าน่าจะเข้าวิน ถึงขั้นเผยแพร่ประวัติออกมาล่วงหน้าเป็นอาทิตย์ ๆ นั้นดูจากแนวคิดแม้จะไม่ได้พูดเรื่องทุนสำรองฯโดยตรง ก็น่าจะเดินแนวทางอนุรักษ์นิยมทางเศรษฐกิจมากกว่า ทุนสำรองฯน่าจะปลอดภัยในระดับหนึ่ง
คนหนุ่มใหญ่กว่ามาจากภาคธุรกิจการเงินโดยตรง น่าจะมีแนวคิดโลดโผนเร้าใจกว่า และที่สำคัญเท่าที่จำได้ท่านเคยมีแนวคิดให้สัมภาษณ์ในทำนองควรนำทุนสำรองฯออกมาใช้ให้เกิดดอกออกผลมากกว่าเก็บไว้เฉย ๆ แต่จะนำออกมาในลักษณะใดนั้นผมจำรายละเอียดไม่ได้ชัด
ใครจะเป็นผู้ว่าฯแบงก์ชาติคนใหม่จึงน่าจะมีผลต่อทุนสำรองฯแตกต่างกัน
อย่างน้อยก็ในด้านแนวคิด
ผู้ว่าฯแบงก์ชาติมีเทอม 5 ปี เป็นแล้วเปลี่ยนไม่ได้ง่ายนัก เพราะกฎหมายวางหลักไว้ให้เป็นอิสระจากฝ่ายการเมืองในระดับสำคัญ
เทอม 5 ปีนี้น่าจะยาวเกินยุครัฐบาลคสช.ไปแล้วด้วย
ฝ่ายการเมืองในยุคหน้า ไม่ว่าจะปีหน้าปีโน้นหรืออีกเกิน 2 หรือ 3 หรือ 4 ปีข้างหน้า ถ้ามาจากกลุ่มที่มีแนวคิดนำทุนสำรองฯออกมาตั้งกองทุนโน่นนี่นั่น ก็คงคุยกับผู้ว่าฯคนใหม่ง่ายกว่าผู้ว่าฯคนเก่าแน่ในกรณีที่แคนดิเดทคนหลังที่อาวุโสกว่าเข้าวิน
ถ้าเป็นแคนดิเดทคนแรกที่หนุ่มกว่าเข้าวิน ทุนสำรองฯน่าจะปลอดภัยกว่าในระดับสำคัญ
รัฐบาลนี้ช่วยตัดสินใจให้รอบคอบรอบด้านด้วยนะ
ประวัติศาสตร์จะได้ไม่เกิดขึ้นซ้ำรอยอีกครั้ง !