ฝรั่งเศสเรียกเอกอัครราชทูตสหรัฐฯให้มาพบในวันพุธ(24 มิ.ย.) เพื่อขอคำอธิบายเรื่องที่เว็บไซต์จอมแฉ “วิกิลีกส์” เผยแพร่ข้อมูลลับสุดยอดซึ่งแสดงให้เห็นว่า วอชิงตันน่าจะสอดแนมดักฟังการติดต่อสื่อสารของประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ ตลอดจนประมุขแดนน้ำหอม 2 คนก่อนหน้าเขา โดยที่ตัวออลลองด์ได้เรียกประชุมฉุกเฉินคณะรัฐมนตรีตลอดจนหน่วยงานความมั่นคง พร้อมกับระบุว่า พฤติการณ์เช่นนี้เป็นสิ่งที่ “รับไม่ได้”
การเปิดโปงล่าสุดถึงการแอบล้วงความลับในระหว่างชาติพันธมิตรตะวันตกกันเองคราวนี้ มีขึ้นหลังจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ (เอ็นเอสเอ) ได้ถูกเปิดโปงเมื่อปี 2013 ว่าแอบสอดแนมเยอรมนี โดยที่สำนักงานข่าวกรอง บีเอ็นดี ของเยอรมนีเองก็ได้ร่วมมือกับเอ็นเอสเอ ในการสปายพวกเจ้าหน้าที่และบริษัทต่างๆ ทั่วทั้งยุโรป รวมทั้งตัวนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล
ประธานาธิบดีออลลองด์ ได้เรียกประชุมฉุกเฉินรัฐมนตรีและผู้บัญชาการกองทัพตั้งแต่ช่วงเช้าวันพุธ (24) หลังจากวิกีลีกส์ได้ร่วมกับหนังสือพิมพ์ลิเบราซิยอง ของฝรั่งเศส และเว็บไซต์มีเดียพาร์ต เผยแพร่เอกสารที่ถูกระบุว่า “ลับสุดยอด” หลายชิ้น ซึ่งมีเนื้อหาแฉให้ทราบว่า เอ็นเอสเอได้กระทำการสอดแนมทั้งตัวออลลองด์ ตลอดจนประมุขแดนน้ำหอม 2 คนก่อนหน้า คือ ฌาคส์ ชีรัก และ นิโคลาส์ ซาร์โคซี
สำนักประธานาธิบดีออกคำแถลงระบุว่า ฝรั่งเศสจะไม่ยอมอดกลั้นต่อการกระทำที่คุกคามความมั่นคงของประเทศเช่นนี้ รวมทั้งจะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ พร้อมสำทับว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการเปิดโปงว่า อเมริกาสอดแนมผลประโยชน์ของฝรั่งเศส รวมทั้งทวงสัญญาที่วอชิงตันเคยให้ไว้เมื่อปลายปี 2013 ว่าจะไม่สอดแนมผู้นำแดนน้ำหอม
ขณะที่ สเตฟาน เลอ ฟอลล์ โฆษกรัฐบาลฝรั่งเศสให้สัมภาษณ์ ก่อนที่ประธานาธิบดี ออลลองด์ จะเข้าประชุมฉุกเฉินว่า “มันเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ สำหรับประเทศที่เป็น พันธมิตรกัน”
“เป็นเรื่องยากที่จะยอมรับว่า ประเทศซึ่งเป็นพันธมิตรกันจะมาทำกันอย่างนี้ โดยเฉพาะการดักฟังบุคคลระดับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐ” เลอ ฟอลล์ กล่าว
“ในช่วงเวลาที่เรากำลังต่อสู้ลัทธิก่อการร้าย ผมไม่เข้าใจจริงๆว่า อะไรที่เป็นเหตุจูงใจให้ประเทศหนึ่งต้องมาสอดแนมมิตรของตัวเอง”
นอกจากนั้น กระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศสก็ได้เรียก เจน ฮาร์ตลีย์ เอกอัครราชทูตอเมริกัน เข้าพบ ลอรองต์ ฟาเบียส รัฐมนตรีต่างประเทศแดนน้ำหอม ช่วงเช้าวันพุธ เพื่อขอให้ชี้แจงเรื่องนี้
การเปิดโปงล่าสุดถึงการแอบล้วงความลับในระหว่างชาติพันธมิตรตะวันตกกันเองคราวนี้ มีขึ้นหลังจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ (เอ็นเอสเอ) ได้ถูกเปิดโปงเมื่อปี 2013 ว่าแอบสอดแนมเยอรมนี โดยที่สำนักงานข่าวกรอง บีเอ็นดี ของเยอรมนีเองก็ได้ร่วมมือกับเอ็นเอสเอ ในการสปายพวกเจ้าหน้าที่และบริษัทต่างๆ ทั่วทั้งยุโรป รวมทั้งตัวนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล
ประธานาธิบดีออลลองด์ ได้เรียกประชุมฉุกเฉินรัฐมนตรีและผู้บัญชาการกองทัพตั้งแต่ช่วงเช้าวันพุธ (24) หลังจากวิกีลีกส์ได้ร่วมกับหนังสือพิมพ์ลิเบราซิยอง ของฝรั่งเศส และเว็บไซต์มีเดียพาร์ต เผยแพร่เอกสารที่ถูกระบุว่า “ลับสุดยอด” หลายชิ้น ซึ่งมีเนื้อหาแฉให้ทราบว่า เอ็นเอสเอได้กระทำการสอดแนมทั้งตัวออลลองด์ ตลอดจนประมุขแดนน้ำหอม 2 คนก่อนหน้า คือ ฌาคส์ ชีรัก และ นิโคลาส์ ซาร์โคซี
สำนักประธานาธิบดีออกคำแถลงระบุว่า ฝรั่งเศสจะไม่ยอมอดกลั้นต่อการกระทำที่คุกคามความมั่นคงของประเทศเช่นนี้ รวมทั้งจะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ พร้อมสำทับว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการเปิดโปงว่า อเมริกาสอดแนมผลประโยชน์ของฝรั่งเศส รวมทั้งทวงสัญญาที่วอชิงตันเคยให้ไว้เมื่อปลายปี 2013 ว่าจะไม่สอดแนมผู้นำแดนน้ำหอม
ขณะที่ สเตฟาน เลอ ฟอลล์ โฆษกรัฐบาลฝรั่งเศสให้สัมภาษณ์ ก่อนที่ประธานาธิบดี ออลลองด์ จะเข้าประชุมฉุกเฉินว่า “มันเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ สำหรับประเทศที่เป็น พันธมิตรกัน”
“เป็นเรื่องยากที่จะยอมรับว่า ประเทศซึ่งเป็นพันธมิตรกันจะมาทำกันอย่างนี้ โดยเฉพาะการดักฟังบุคคลระดับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐ” เลอ ฟอลล์ กล่าว
“ในช่วงเวลาที่เรากำลังต่อสู้ลัทธิก่อการร้าย ผมไม่เข้าใจจริงๆว่า อะไรที่เป็นเหตุจูงใจให้ประเทศหนึ่งต้องมาสอดแนมมิตรของตัวเอง”
นอกจากนั้น กระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศสก็ได้เรียก เจน ฮาร์ตลีย์ เอกอัครราชทูตอเมริกัน เข้าพบ ลอรองต์ ฟาเบียส รัฐมนตรีต่างประเทศแดนน้ำหอม ช่วงเช้าวันพุธ เพื่อขอให้ชี้แจงเรื่องนี้