จากเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษ ภาค 1 ได้เข้าจับกุม นายอำพล สรรพวุธ พร้อมยาบ้า จำนวน 2,000 เม็ด และสอบสวนขยายผล ตามจับกุม ด.ต.บุญสืบ ชุ่มยิ้ม ผบ.หมู่ งานสืบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมนางสาวกาญจนา ปินตา ภรรยา ได้ขณะส่งมอบยาบ้าที่ริมถนนสายเอเชีย บริเวณปั๊มน้ำมันบางจาก ต.คลองสวนพลู อ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมยาบ้าอีก จำนวน 12,090 เม็ด และได้ออกหมายจับตำรวจอีก 4 นาย ที่ถูกซัดทอดร่วมขบวนการ ประกอบด้วย ร.ต.ท.มานพ เอี่ยมสำอาง อายุ 46 ปี ร.ต.ต.ประมาณ วอนกล่ำ อายุ 54 ปี ด.ต.ทรงวุฒิ แสนใจ อายุ 50 ปี และ ด.ต.ฉลวย กลิ่นโกสุม อายุ 44 ปี ซึ่งตำรวจทั้ง 4 นาย เป็นตำรวจชุดสืบสวน สภ. ซึ่งทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ได้ให้ตำรวจทั้ง 4 นาย ออกจากราชการแล้วแต่ยังหลบหนีอยู่
ต่อมากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ยังมีคำสั่งย้ายนายตำรวจระดับสูงอีก 4 นาย คือ พ.ต.อ.ภูมิสิทธิ์ นาวัง ผกก.สภ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.ท. พอพล อุทัยภพ รอง ผกก.สืบสวน พระนครศรีอยุธยา พ.ต.ท. มาโนช บุญส่ง สารวัตรสืบสวน พระนครศรีอยุธยา และ พ.ต.ต. ศุภากร แก้วเขียว สารวัตรป้องกันปราบปราม พระนครศรีอยุธยา อีกด้วย
ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 20 มิ.ย. พล.ต.ต.เสริมคิด สิทธิชัยกานต์ ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ได้มีคำสั่งที่ 285/2558 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนของ สภ.พระนครศรี อยุธยา เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและคาดว่าทำมานานแล้ว จึงได้สั่งย้ายตำรวจชุดสืบฯ เพิ่มอีก 12 นาย เป็นการยกเครื่องใหม่ เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ราชการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจภูธรภาค 1
โดยตำรวจชุดสืบฯ 12 นาย ที่ถูกสั่งย้ายประกอบด้วย ร.ต.ท.สิริวัตร แก้วจินดา รอง สว.สส. ไปอยู่ สภ.ปากท่า ร.ต.ท.เอนก ทองพูล รอง สว.สส. ไปอยู่ สภ.ระโสม ด.ต.สยาม นิลสุวรรณ ผบ.หมู่ ชุดสืบสวน ไปอยู่ สภ.ปากท่า ด.ต.พงศ์ณัฐไชย นาควิสูตร ผบ.หมู่ ชุดสืบสวน ไปอยู่ สภ.ผักไห่ ด.ต.มลธพักษ์ วงศ์งาม ผบ.หมู่ ชุดสืบสวน ไปอยู่ สภ.ระโสม ด.ต.สุริยัน จริมา ผบ.หมู่ ผช.พงส. ไปอยู่ สภ.ท่าเรือ ด.ต.กันคภณ อุรัตน์ ผบ.หมู่ ชุดสืบสวน ย้ายไป สภ.ช้างใหญ่ ด.ต.บุญเลิศ คำมีมูล ผบ.หมู่ สภ.ชุดสืบสวน ไปอยู่ สภ.บางปะหัน ด.ต.อนันต์ ทองวิเศษ ผบ.หมู่ ชุดสืบสวน ไปอยู่ สภ.บางปะหัน ด.ต.วิสิทธิ์ พูลทอง ผบ.หมู่ ชุดสืบสวน ย้ายไปอยู่ สภ.จักราช ด.ต.ณัฐกฤษดิ์ กาหลง ผบ.หมู่ ชุดสืบสวน ย้ายไปอยู่ สภ.บางซ้าย และ ด.ต.เศวต น้อยอ่าง ผบ.หมู่ ชุดสืบสวน ย้ายไปอยู่ สภ.มารวิชัย ทั้งนี้ ข้าราชการตำรวจที่ถูกสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการ มีระยะเวลากำหนด 180 วัน ตั้งแต่วันที่ 22 มิ.ย.58 เป็นต้นไป
ส่วนตำรวจ 4 นาย ที่ยังหลบหนีอยู่ ขณะนี้ได้มีการประสานให้ญาติๆ ช่วยติดต่อพาเข้ามอบตัว เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งพนักงานสอบสวนยืนยันจะให้ความเป็นธรรมทุกคน
ต่อมากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ยังมีคำสั่งย้ายนายตำรวจระดับสูงอีก 4 นาย คือ พ.ต.อ.ภูมิสิทธิ์ นาวัง ผกก.สภ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.ท. พอพล อุทัยภพ รอง ผกก.สืบสวน พระนครศรีอยุธยา พ.ต.ท. มาโนช บุญส่ง สารวัตรสืบสวน พระนครศรีอยุธยา และ พ.ต.ต. ศุภากร แก้วเขียว สารวัตรป้องกันปราบปราม พระนครศรีอยุธยา อีกด้วย
ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 20 มิ.ย. พล.ต.ต.เสริมคิด สิทธิชัยกานต์ ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ได้มีคำสั่งที่ 285/2558 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนของ สภ.พระนครศรี อยุธยา เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและคาดว่าทำมานานแล้ว จึงได้สั่งย้ายตำรวจชุดสืบฯ เพิ่มอีก 12 นาย เป็นการยกเครื่องใหม่ เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ราชการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจภูธรภาค 1
โดยตำรวจชุดสืบฯ 12 นาย ที่ถูกสั่งย้ายประกอบด้วย ร.ต.ท.สิริวัตร แก้วจินดา รอง สว.สส. ไปอยู่ สภ.ปากท่า ร.ต.ท.เอนก ทองพูล รอง สว.สส. ไปอยู่ สภ.ระโสม ด.ต.สยาม นิลสุวรรณ ผบ.หมู่ ชุดสืบสวน ไปอยู่ สภ.ปากท่า ด.ต.พงศ์ณัฐไชย นาควิสูตร ผบ.หมู่ ชุดสืบสวน ไปอยู่ สภ.ผักไห่ ด.ต.มลธพักษ์ วงศ์งาม ผบ.หมู่ ชุดสืบสวน ไปอยู่ สภ.ระโสม ด.ต.สุริยัน จริมา ผบ.หมู่ ผช.พงส. ไปอยู่ สภ.ท่าเรือ ด.ต.กันคภณ อุรัตน์ ผบ.หมู่ ชุดสืบสวน ย้ายไป สภ.ช้างใหญ่ ด.ต.บุญเลิศ คำมีมูล ผบ.หมู่ สภ.ชุดสืบสวน ไปอยู่ สภ.บางปะหัน ด.ต.อนันต์ ทองวิเศษ ผบ.หมู่ ชุดสืบสวน ไปอยู่ สภ.บางปะหัน ด.ต.วิสิทธิ์ พูลทอง ผบ.หมู่ ชุดสืบสวน ย้ายไปอยู่ สภ.จักราช ด.ต.ณัฐกฤษดิ์ กาหลง ผบ.หมู่ ชุดสืบสวน ย้ายไปอยู่ สภ.บางซ้าย และ ด.ต.เศวต น้อยอ่าง ผบ.หมู่ ชุดสืบสวน ย้ายไปอยู่ สภ.มารวิชัย ทั้งนี้ ข้าราชการตำรวจที่ถูกสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการ มีระยะเวลากำหนด 180 วัน ตั้งแต่วันที่ 22 มิ.ย.58 เป็นต้นไป
ส่วนตำรวจ 4 นาย ที่ยังหลบหนีอยู่ ขณะนี้ได้มีการประสานให้ญาติๆ ช่วยติดต่อพาเข้ามอบตัว เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งพนักงานสอบสวนยืนยันจะให้ความเป็นธรรมทุกคน