นางทีนา เอส. ไคดานาว เอกอัครราชทูต และผู้ประสานงานด้านการต่อต้านการก่อการร้าย ประจำกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เผยแพร่รายงานเรื่องการก่อการร้ายประจำปี 2014 (พ.ศ.2557) ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่นของกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยได้สรุปสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ภูมิภาคต่างๆ และความพยายามของแต่ละประเทศในการต่อต้านการก่อการร้าย
ทั้งนี้ ในรายงานดังกล่าวระบุว่า ประเทศไทยมีความสำเร็จในการต่อต้านการก่อการร้าย แม้ยังเผชิญกับความท้าท้ายในการควบคุมความมั่นคงภายในประเทศ ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีสิ่งบ่งชี้ใดๆ ว่า กลุ่มก่อความไม่สงบในภาคใต้ของไทยมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มไอเอส หรือกลุ่มระหว่างประเทศอื่นๆ
ทั้งนี้ ตั้งแต่การรัฐประหารที่ผ่านมา กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) ยังต่อต้านกลุ่มก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยระบบยุติธรรมที่ยังไม่ได้มาตรฐาน จึงเป็นแรงกระตุ้นสำคัญที่ทำให้มีแรงสนับสนุนกลุ่มก่อความไม่สงบอยู่เรื่อยๆ
นางไคดานาว กล่าวอีกว่า ด้านการบังคับใช้กฎหมาย รายงานฉบับนี้ระบุว่าไทยมีกฎหมายต่อต้านการก่อการร้าย แต่ส่วนใหญ่ไม่สามารถดำเนินคดีได้ เนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ ขณะที่ผู้ใช้กฎหมาย เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกองทัพไทย ต้องมีการโยกย้ายตำแหน่งทุกๆ 6 เดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังการรัฐประหารมีการโยกย้ายข้าราชการและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเป็นจำนวนมาก ทำให้ขาดความต่อเนื่องในนโยบาย รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลและหน้าที่ระหว่างหน่วยงานยังไม่ชัดเจน แต่เจ้าหน้าที่ของไทยส่วนหนึ่งมีประสบการณ์ได้รับการฝึกจากสหรัฐฯ ในการต่อต้านการก่อการร้ายด้วย
นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวระบุด้วยว่า ไทยยังมีปัญหาเป็นแหล่งผลิตเอกสารปลอม เช่น หนังสือเดินทาง บัตรประชาชน สูติบัตร เป็นต้น แม้รัฐบาลไทยพยายามกำจัด แต่ยังไม่สามารถดำเนินคดีใดๆ ได้เลย อีกทั้งไทยยังเป็นแหล่งฟอกเงินที่สำคัญของภูมิภาคด้วย
ทั้งนี้ ในรายงานดังกล่าวระบุว่า ประเทศไทยมีความสำเร็จในการต่อต้านการก่อการร้าย แม้ยังเผชิญกับความท้าท้ายในการควบคุมความมั่นคงภายในประเทศ ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีสิ่งบ่งชี้ใดๆ ว่า กลุ่มก่อความไม่สงบในภาคใต้ของไทยมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มไอเอส หรือกลุ่มระหว่างประเทศอื่นๆ
ทั้งนี้ ตั้งแต่การรัฐประหารที่ผ่านมา กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) ยังต่อต้านกลุ่มก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยระบบยุติธรรมที่ยังไม่ได้มาตรฐาน จึงเป็นแรงกระตุ้นสำคัญที่ทำให้มีแรงสนับสนุนกลุ่มก่อความไม่สงบอยู่เรื่อยๆ
นางไคดานาว กล่าวอีกว่า ด้านการบังคับใช้กฎหมาย รายงานฉบับนี้ระบุว่าไทยมีกฎหมายต่อต้านการก่อการร้าย แต่ส่วนใหญ่ไม่สามารถดำเนินคดีได้ เนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ ขณะที่ผู้ใช้กฎหมาย เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกองทัพไทย ต้องมีการโยกย้ายตำแหน่งทุกๆ 6 เดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังการรัฐประหารมีการโยกย้ายข้าราชการและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเป็นจำนวนมาก ทำให้ขาดความต่อเนื่องในนโยบาย รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลและหน้าที่ระหว่างหน่วยงานยังไม่ชัดเจน แต่เจ้าหน้าที่ของไทยส่วนหนึ่งมีประสบการณ์ได้รับการฝึกจากสหรัฐฯ ในการต่อต้านการก่อการร้ายด้วย
นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวระบุด้วยว่า ไทยยังมีปัญหาเป็นแหล่งผลิตเอกสารปลอม เช่น หนังสือเดินทาง บัตรประชาชน สูติบัตร เป็นต้น แม้รัฐบาลไทยพยายามกำจัด แต่ยังไม่สามารถดำเนินคดีใดๆ ได้เลย อีกทั้งไทยยังเป็นแหล่งฟอกเงินที่สำคัญของภูมิภาคด้วย