นายสุเทพ น้อยไพโรจน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำในเขื่อนยังอยู่ในขั้นวิกฤต โดยเฉพาะ 4 เขื่อนหลัก ประกอบด้วย เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปริมาณน้ำลดลงต่อเนื่อง โดยปริมาณน้ำปัจจุบันมี 1,310 ล้านลูกบาศก์เมตร ลดลงจากวันที่ 14 มิถุนายน ที่ผ่านมา ประมาณ 30 ล้านลูกบาศก์เมตร กรมชลประทาน จึงจำเป็นต้องลดการระบายน้ำจากเดิมวันละ 60 ล้านลูกบาศก์เมตร เหลือวันละ 35 ล้านลูกบาศก์เมตร และวันพรุ่งนี้ (15 มิ.ย.) จะลดเหลือ 30 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งจะทำให้มีน้ำเหลือใช้ 40 วัน
อย่างไรก็ตาม นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลงพื้นที่สำรวจพื้นที่การเกษตรที่ จ.ชัยนาท และพระนครศรีอยุทธยา เพื่อทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้ใช้น้ำที่ยังไม่ได้ทำการเพาะปลูกให้ชะลอออกไปก่อน คาดว่าช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ฝนจะตกเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ พื้นที่เพาะปลูกใน จ.พระนครศรอยุธยา ที่มีกว่า 9 แสนไร่ ขณะนี้ได้ทำการเกษตรไปแล้วประมาณครึ่งหนึ่ง ส่วนพื้นที่ที่เหลือได้ชะลอการปลูกออกไป แต่ยังมีพื้นที่ลุ่มต่ำบางส่วนที่ยังเพาะปลูกได้ เช่น ช่วงบางบาล น้ำในระบบตอนนี้ยังมีอยู่พอสมควร แต่ได้ลดลงน้อยแล้ว
สำหรับพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปีในเขตชลประทานมีประมาณ 7 ล้าน 4 แสนไร่ ปัจจุบันทำการเพาะปลูกไปแล้ว 3 ล้านไร่ ทั้งนี้ หากพื้นที่ที่เพาะปลูกแล้วประสบปัญหา กรมชลประทานพร้อมให้ความช่วยเหลือ จึงขอให้เกษตรกรแจ้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ทันที
อย่างไรก็ตาม นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลงพื้นที่สำรวจพื้นที่การเกษตรที่ จ.ชัยนาท และพระนครศรีอยุทธยา เพื่อทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้ใช้น้ำที่ยังไม่ได้ทำการเพาะปลูกให้ชะลอออกไปก่อน คาดว่าช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ฝนจะตกเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ พื้นที่เพาะปลูกใน จ.พระนครศรอยุธยา ที่มีกว่า 9 แสนไร่ ขณะนี้ได้ทำการเกษตรไปแล้วประมาณครึ่งหนึ่ง ส่วนพื้นที่ที่เหลือได้ชะลอการปลูกออกไป แต่ยังมีพื้นที่ลุ่มต่ำบางส่วนที่ยังเพาะปลูกได้ เช่น ช่วงบางบาล น้ำในระบบตอนนี้ยังมีอยู่พอสมควร แต่ได้ลดลงน้อยแล้ว
สำหรับพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปีในเขตชลประทานมีประมาณ 7 ล้าน 4 แสนไร่ ปัจจุบันทำการเพาะปลูกไปแล้ว 3 ล้านไร่ ทั้งนี้ หากพื้นที่ที่เพาะปลูกแล้วประสบปัญหา กรมชลประทานพร้อมให้ความช่วยเหลือ จึงขอให้เกษตรกรแจ้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ทันที
