พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ผู้แทนจากบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส เข้าพบพร้อมข้อเสนอที่จะลงทุนก่อสร้างทางรถไฟทางคู่เส้นทางตั้งแต่แหลมฉบังถึงขอนแก่นในช่วงที่ขาด (missing link) มีทั้งหมด 3 ช่วง ซึ่งกระทรวงคมนาคมประเมินมูลค่าการก่อสร้างทางรถไฟดังกล่าวไว้ที่ 76,000 ล้านบาท และบีทีเอสเสนอที่จะติดตั้งระบบชาร์ตไฟฟ้า เพื่อสนับสนุนหัวรถจักรรถไฟรุ่นใหม่ที่จะจัดหาเข้ามาเป็นระบบไฟฟ้าแทนรถจักรดีเซล
ทั้งนี้ บีทีเอสเสนอที่จะจัดหาหัวรถจักรไฟฟ้าและขบวนขนส่งสินค้ามาร่วมเดินรถกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงคมนาคม ที่จะมีการเปลี่ยนมาใช้พลังงานไฟฟ้าแทนดีเซลในรถไฟ โดยจะเริ่มตั้งแต่ปี 2560 ให้แล้วเสร็จในปี 2575 ซึ่งกระทรวงคมนาคมมอบหมายให้บีทีเอสกลับไปศึกษารูปแบบการลงทุนและเงื่อนไขการลงทุน รวมถึงความสมเหตุสมผลของผลตอบแทนแล้วนำข้อสรุปกลับมาเสนอกระทรวงคมนาคมวันที่ 25มิถุนายน 2558 ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ทั้งเปิดประมูลเส้นทางนี้และรับข้อเสนอจากบีทีเอส ซึ่งต้องพิจารณาข้อเสนอจากทางบีทีเอสก่อนว่ามีความเหมาะสมเพียงใด
โดยบีทีเอสเสนอจะช่วยเหลือเรื่องงบการก่อสร้างที่พักสำหรับพนักงานรถไฟ ซึ่ง ร.ฟ.ท.ต้องการสร้างที่พักต้นทุนต่ำ คุณภาพดีสำหรับพนักงาน ร.ฟ.ท. จากการพิจารณาแล้วพื้นที่ กม.11 มีพื้นที่ 360 ไร่ น่าจะเป็นพื้นที่เร่งด่วนที่สุดที่ต้องรีบก่อสร้าง เนื่องจากปัจจุบันบริเวณนี้ที่อยู่อาศัยมีความแออัด และยังมีพื้นที่ว่างทิ้งร้าง จึงต้องการที่จะจัดสรรพื้นที่การใช้งานให้ได้สัดส่วน เพื่อให้สามารถใช้งานได้เต็มที่ โดยกระทรวงคมนาคมเสนอแนวคิดการจัดสรรพื้นที่ แบ่งเป็น 4 ส่วน ส่วนแรกสำหรับก่อสร้างที่พักอาศัยต้นทุนต่ำ คุณภาพดี สำหรับพนักงาน ร.ฟ.ท.และครอบครัวให้อาศัยฟรี ซึ่งคาดว่าน่าจะมีจำนวน 8,000-8,500 ครอบครัว พร้อมเส้นทางคมนาคมขนส่งที่สะดวก ส่วนที่ 2 สร้างที่พักอาศัยสำหรับผู้ที่มีรายได้ปานกลาง ให้เข้ามาเช่าอาศัยได้ ส่วนที่ 3 สร้างสวนสาธารณะ และส่วนสุดท้าย เป็นพื้นที่หารายได้ชดเชย ซึ่งจะทำเป็นศูนย์การค้า ร้านค้า และโรงแรมขนาดเล็กหรือกลาง ซึ่งบีทีเอสรับข้อเสนอไปออกแบบ และจะกลับมาเสนอวันที่ 25 มิถุนายนนี้
ทั้งนี้ บีทีเอสเสนอที่จะจัดหาหัวรถจักรไฟฟ้าและขบวนขนส่งสินค้ามาร่วมเดินรถกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงคมนาคม ที่จะมีการเปลี่ยนมาใช้พลังงานไฟฟ้าแทนดีเซลในรถไฟ โดยจะเริ่มตั้งแต่ปี 2560 ให้แล้วเสร็จในปี 2575 ซึ่งกระทรวงคมนาคมมอบหมายให้บีทีเอสกลับไปศึกษารูปแบบการลงทุนและเงื่อนไขการลงทุน รวมถึงความสมเหตุสมผลของผลตอบแทนแล้วนำข้อสรุปกลับมาเสนอกระทรวงคมนาคมวันที่ 25มิถุนายน 2558 ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ทั้งเปิดประมูลเส้นทางนี้และรับข้อเสนอจากบีทีเอส ซึ่งต้องพิจารณาข้อเสนอจากทางบีทีเอสก่อนว่ามีความเหมาะสมเพียงใด
โดยบีทีเอสเสนอจะช่วยเหลือเรื่องงบการก่อสร้างที่พักสำหรับพนักงานรถไฟ ซึ่ง ร.ฟ.ท.ต้องการสร้างที่พักต้นทุนต่ำ คุณภาพดีสำหรับพนักงาน ร.ฟ.ท. จากการพิจารณาแล้วพื้นที่ กม.11 มีพื้นที่ 360 ไร่ น่าจะเป็นพื้นที่เร่งด่วนที่สุดที่ต้องรีบก่อสร้าง เนื่องจากปัจจุบันบริเวณนี้ที่อยู่อาศัยมีความแออัด และยังมีพื้นที่ว่างทิ้งร้าง จึงต้องการที่จะจัดสรรพื้นที่การใช้งานให้ได้สัดส่วน เพื่อให้สามารถใช้งานได้เต็มที่ โดยกระทรวงคมนาคมเสนอแนวคิดการจัดสรรพื้นที่ แบ่งเป็น 4 ส่วน ส่วนแรกสำหรับก่อสร้างที่พักอาศัยต้นทุนต่ำ คุณภาพดี สำหรับพนักงาน ร.ฟ.ท.และครอบครัวให้อาศัยฟรี ซึ่งคาดว่าน่าจะมีจำนวน 8,000-8,500 ครอบครัว พร้อมเส้นทางคมนาคมขนส่งที่สะดวก ส่วนที่ 2 สร้างที่พักอาศัยสำหรับผู้ที่มีรายได้ปานกลาง ให้เข้ามาเช่าอาศัยได้ ส่วนที่ 3 สร้างสวนสาธารณะ และส่วนสุดท้าย เป็นพื้นที่หารายได้ชดเชย ซึ่งจะทำเป็นศูนย์การค้า ร้านค้า และโรงแรมขนาดเล็กหรือกลาง ซึ่งบีทีเอสรับข้อเสนอไปออกแบบ และจะกลับมาเสนอวันที่ 25 มิถุนายนนี้