ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมตรีด้านเศรษฐกิจ ชี้แจงในเวทีสัมมนาแม่น้ำ 3 สาย ถึงผลการดำเนินการด้านเศรษฐกิจในรอบ 1 ปีรัฐบาล ว่า การเติบโตของเศรษฐกิจไทย ปี 2557 ไตรมาสที่ 1 ติดลบ 0.4 เปอร์เซ็นต์ ไตรมาสที่ 2 บวก 0.9 เปอร์เซ็นต์ ไตรมาสที่ 3 บวก 1 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่รัฐบาลจะเข้ามาบริหารงาน และเมื่อรัฐบาลเข้ามาบริหารพบว่าไตรมาสที่ 4 เศรษฐกิจของประเทศเติบโตเพิ่ม 2.1 เปอร์เซ็นต์ กระทั่งไตรมาสแรกของปี 2558 เศรษฐกิจเติบโตเพิ่ม 3 เปอร์เซ็นต์ ขณะเดียวกันเศรษฐกิจของประเทศค่อยๆ ฟื้นอย่างต่อเนื่อง และแม้ว่าการส่งออกจะติดลบ 2.5 เปอร์เซ็นต์ แต่ภาพรวมเศรษฐกิจก็ยังเป็นบวก เนื่องจากมีการลงทุนจากภาครัฐ การท่องเที่ยวและบริการเป็นตัวช่วย
ทั้งนี้การส่งออกที่ติดลบนั้นสะสมมาแล้ว 4 ปี ทั้งมาจากนโยบายค่าแรง 300 บาทของรัฐบาลที่แล้ว ทำให้สูญเสียความสามารถทางการแข่งขัน ซึ่งตนไม่ได้ทับถมใคร แต่ใครทำนโยบายไม่ดีไว้ก็น่าจะบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวอีกว่า รัฐบาลชุดนี้ได้วางแนวทางแก้ไขปัญหา 3 ฐานเศรษฐกิจ 1.ปรับปรุงอุตสาหกรรมสมัยใหม่ 2.การปฏิรูปภาษี และ 3.ต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจดิจิตอล โดยขณะนี้เสร็จแล้ว 2 ฐาน หากเสร็จ 3 ฐาน จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตเป็น 5 เปอร์เซ็นต์ และถ้าถึงวันนั้นพลังงานจะไม่เพียงพอ วันนี้จึงจำเป็นที่รัฐบาลต้องหาแหล่งก๊าซธรรมชาติใหม่ ซึ่งตนจะรีบกลับไปดำเนินการให้ถูกใจทุกคน และเลือกแนวทางที่ดีที่สุดเพื่อประเทศ
ทั้งนี้การส่งออกที่ติดลบนั้นสะสมมาแล้ว 4 ปี ทั้งมาจากนโยบายค่าแรง 300 บาทของรัฐบาลที่แล้ว ทำให้สูญเสียความสามารถทางการแข่งขัน ซึ่งตนไม่ได้ทับถมใคร แต่ใครทำนโยบายไม่ดีไว้ก็น่าจะบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวอีกว่า รัฐบาลชุดนี้ได้วางแนวทางแก้ไขปัญหา 3 ฐานเศรษฐกิจ 1.ปรับปรุงอุตสาหกรรมสมัยใหม่ 2.การปฏิรูปภาษี และ 3.ต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจดิจิตอล โดยขณะนี้เสร็จแล้ว 2 ฐาน หากเสร็จ 3 ฐาน จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตเป็น 5 เปอร์เซ็นต์ และถ้าถึงวันนั้นพลังงานจะไม่เพียงพอ วันนี้จึงจำเป็นที่รัฐบาลต้องหาแหล่งก๊าซธรรมชาติใหม่ ซึ่งตนจะรีบกลับไปดำเนินการให้ถูกใจทุกคน และเลือกแนวทางที่ดีที่สุดเพื่อประเทศ