กรณีแก๊งวัยรุ่นเด็กแว้นขี่รถ จยย.ไล่ล่าสังหาร ใช้มีดฟันและปืนลูกซองยิงนายอาทิตย์ สายสล้าง อายุ 20 ปี นักศึกษาปี 2 คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เสียชีวิต และนายสุวสิน ปทุมเมศร์ อายุ 20 ปี เพื่อนร่วมชั้นเรียนเดียวกับผู้ตาย ถูกฟันแทงเข้าชายโครงขวาและแขนขวา อาการสาหัส โดยคนร้ายลงมืออย่างเหี้ยมโหดอำมหิต ขณะที่เหยื่อทั้ง 2 คนขี่รถ จยย.กลับจากกินเลี้ยงฉลองกับเพื่อนๆ เหตุเกิดช่วงเช้ามืดวันที่ 30 พ.ค. บริเวณด้านหลังมหาวิทยาลัยรังสิต ต.หลักหก อ.เมืองปทุมธานี ส่งผลให้มหาวิทยาลัยรังสิต ออกแถลงการณ์ผ่านโซเชียลมีเดีย เรียกร้องให้ คสช. ลงมาแก้ปัญหาอาชญากรรมย่านหมู่บ้านเมืองเอกอย่างจริงจัง
ที่กองบังคับการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ต.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.อำนาจ จันทร์เจริญ รอง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.สุนทร หิมารัตน์ ผกก.สส.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.ไพโรจน์ โรจนขจร ผกก.2 บก.ป. ได้เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีเข้าร่วมประชุมอย่างเคร่งเครียด จากนั้นในช่วงบ่ายได้เดินทางไปยัง สภ.ปากคลองรังสิต เพื่อร่วมตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดภายในร้านและตามจุดต่าง ๆ บนถนนที่เกิดเหตุและเส้นทางที่ผู้ก่อเหตุใช้หลบหนี โดยใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษ
พ.ต.อ.อำนาจ กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำพยานแวดล้อมไปแล้ว 10 กว่าปาก ซึ่งได้ข้อมูลพอสมควร แต่ยังไม่ขอเปิดเผย อย่างไรก็ตามได้มอบหมายให้ชุดสืบสวนนำเพื่อนของผู้เสียชีวิตไปสเก็ตภาพที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐานเขต 1 หลังมีข้อมูลว่าเป็นผู้หันไปมองหน้าผู้ก่อเหตุเพราะนั่งซ้อนท้ายรถ จยย.เป็นคนที่ 4 ขณะที่กล้องวงจรปิดบริเวณแยกวุ่นวายหน้ามหาวิทยาลัยรังสิตสามารถจับภาพรถผู้ต้องสงสัยได้ด้วยโดยน่าจะเป็นรถ จยย. ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ แต่ยังไม่สามารถระบุสีและทะเบียนได้ สำหรับสาเหตุน่าจะเกิดจากการเขม่นกันในร้านกับลูกค้าโต๊ะอื่นระหว่างรังสรรค์กันอย่างสนุกสนาน ก่อนจะมีการขี่รถติดตามกันออกมายิงและแทงกันดังกล่าว
ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีหลายภาคส่วนเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อาศัยอำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 ปิดสถานบันเทิงและร้านเหล้ารอบมหาวิทยาลัย ว่า ทุกอย่างคงไม่สามารถแก้ได้ด้วยมาตรา 44 เพียงอย่างเดียว เพราะต้องดูข้อกฎหมายเดิมว่าสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้หรือไม่ แต่หากอะไรเป็นเรื่องเร่งด่วนปล่อยปละละเลยแล้วจะเสียหาย ไม่สามารถแก้ไขตามกฎกติกาปกติได้ทันเวลา นายกฯ คงไม่รีรอที่จะใช้อำนาจดังกล่าว รัฐพร้อมดำเนินการให้ แต่ต้องมีเหตุผลที่เหมาะสมเพียงพอ
“หากใช้อำนาจตามมาตรา 44 ทุกเรื่องคงไม่เหมาะสม ทุกเรื่องต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ กฎหมาย การปิดร้านเหล้ารอบมหาวิทยาลัยต้องดูตามหลักเกณฑ์ธรรมดาก่อนว่าดำเนินการได้หรือไม่ หรือติดตรงเจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการ ซึ่งเรากำชับเจ้าหน้าที่อยู่ตลอดเวลา แต่บางเรื่องเป็นเรื่องที่ต้องใช้ดุลพินิจ แบบไหนเรียกว่าอยู่ใกล้ อยู่ไกล อยู่รอบหรือไม่อยู่รอบ ห่างกี่เมตร ทำไมบางร้านห่างเพียงสองบล็อกถึงเปิดได้ เพราะจะมีปัญหาตามมาหลายเรื่อง อย่างบางร้านเปิดอยู่ก่อนแล้ว แต่มหาวิทยาลัยเพิ่งมาตั้งเราจะทำยังไง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง ต้องออกมาชี้แจงเรื่องนี้ให้ชัดเจนว่าตามหลักกฎหมายเป็นอย่างไร” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว“
ที่กองบังคับการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ต.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.อำนาจ จันทร์เจริญ รอง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.สุนทร หิมารัตน์ ผกก.สส.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.ไพโรจน์ โรจนขจร ผกก.2 บก.ป. ได้เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีเข้าร่วมประชุมอย่างเคร่งเครียด จากนั้นในช่วงบ่ายได้เดินทางไปยัง สภ.ปากคลองรังสิต เพื่อร่วมตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดภายในร้านและตามจุดต่าง ๆ บนถนนที่เกิดเหตุและเส้นทางที่ผู้ก่อเหตุใช้หลบหนี โดยใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษ
พ.ต.อ.อำนาจ กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำพยานแวดล้อมไปแล้ว 10 กว่าปาก ซึ่งได้ข้อมูลพอสมควร แต่ยังไม่ขอเปิดเผย อย่างไรก็ตามได้มอบหมายให้ชุดสืบสวนนำเพื่อนของผู้เสียชีวิตไปสเก็ตภาพที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐานเขต 1 หลังมีข้อมูลว่าเป็นผู้หันไปมองหน้าผู้ก่อเหตุเพราะนั่งซ้อนท้ายรถ จยย.เป็นคนที่ 4 ขณะที่กล้องวงจรปิดบริเวณแยกวุ่นวายหน้ามหาวิทยาลัยรังสิตสามารถจับภาพรถผู้ต้องสงสัยได้ด้วยโดยน่าจะเป็นรถ จยย. ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ แต่ยังไม่สามารถระบุสีและทะเบียนได้ สำหรับสาเหตุน่าจะเกิดจากการเขม่นกันในร้านกับลูกค้าโต๊ะอื่นระหว่างรังสรรค์กันอย่างสนุกสนาน ก่อนจะมีการขี่รถติดตามกันออกมายิงและแทงกันดังกล่าว
ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีหลายภาคส่วนเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อาศัยอำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 ปิดสถานบันเทิงและร้านเหล้ารอบมหาวิทยาลัย ว่า ทุกอย่างคงไม่สามารถแก้ได้ด้วยมาตรา 44 เพียงอย่างเดียว เพราะต้องดูข้อกฎหมายเดิมว่าสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้หรือไม่ แต่หากอะไรเป็นเรื่องเร่งด่วนปล่อยปละละเลยแล้วจะเสียหาย ไม่สามารถแก้ไขตามกฎกติกาปกติได้ทันเวลา นายกฯ คงไม่รีรอที่จะใช้อำนาจดังกล่าว รัฐพร้อมดำเนินการให้ แต่ต้องมีเหตุผลที่เหมาะสมเพียงพอ
“หากใช้อำนาจตามมาตรา 44 ทุกเรื่องคงไม่เหมาะสม ทุกเรื่องต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ กฎหมาย การปิดร้านเหล้ารอบมหาวิทยาลัยต้องดูตามหลักเกณฑ์ธรรมดาก่อนว่าดำเนินการได้หรือไม่ หรือติดตรงเจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการ ซึ่งเรากำชับเจ้าหน้าที่อยู่ตลอดเวลา แต่บางเรื่องเป็นเรื่องที่ต้องใช้ดุลพินิจ แบบไหนเรียกว่าอยู่ใกล้ อยู่ไกล อยู่รอบหรือไม่อยู่รอบ ห่างกี่เมตร ทำไมบางร้านห่างเพียงสองบล็อกถึงเปิดได้ เพราะจะมีปัญหาตามมาหลายเรื่อง อย่างบางร้านเปิดอยู่ก่อนแล้ว แต่มหาวิทยาลัยเพิ่งมาตั้งเราจะทำยังไง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง ต้องออกมาชี้แจงเรื่องนี้ให้ชัดเจนว่าตามหลักกฎหมายเป็นอย่างไร” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว“
