ดร. ไพบูลย์ นวลนิล ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหว จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์กล่าวในงานเสวนา "ประเทศไทยกับเสี่ยงแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ มีจริงหรือ" ว่า ไทยยังถือว่ามีความเสี่ยงต่อแผ่นดินไหว แต่ไม่ร้ายแรงเท่าภัยพิบัติอื่นๆ สิ่งสำคัญคือ ประชาชนต้องมีสติในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ต้องไม่เชื่อข่าวโคมลอยหรือวิตกกังวลมากจนเกินไป ต้องไม่เชื่อข่าวตามโซเชี่ยลมีเดีย และต้องศึกษาว่า พื้นที่ใดเป็นพื้นที่จุดเสี่ยงมากหรือน้อยในการเกิดแผ่นดินไหว และจะออกแบบก่อสร้างอาคารอย่างไร รวมทั้งหากเกิดแผ่นดินไหวแล้วจะมีวิธีรับมืออย่างไร มากกว่าการที่จะตื่นตระหนก หรือหวาดกลัวเกินกว่าเหตุ ขณะที่การสังเกตพฤติกรรมของสัตว์ ซึ่งเป็นที่สนใจของประชาชนนั้น พบว่า พฤติกรรมของสัตว์กับแผ่นดินไหวไม่มีความสัมพันธ์กัน ยกเว้น สัตว์บางชนิด เช่น ปลาวาฬ หรือช้าง ที่จะส่งเสียงร้องเมื่อได้รับแรงสั่นสะเทือน ขณะที่การเกิดสึนามิในไทยนั้น ต้องยอมรับว่าไทยมีการเกิดสึนามิอยู่ทั้งปี แต่เป็นคลื่นขนาดเล็กไม่เกิน 10 เซนติเมตร แต่โอกาสที่จะเกิดคลื่นยักษ์เช่นปี 2547 นั้นเป็นไปได้ยาก
นายสุวิทย์ โคสุวรรณ กรมทรัพยากรธรณี กล่าวว่า จากการสืบค้นข้อมูลในอดีต พบว่าเหตุการณ์แผ่นดินไหวในไทยนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจากจุดศูนย์กลางภายในประเทศ แต่ได้รับผลกระทบจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า ทะเลอันดามัน มากกว่า และผลกระทบที่จะเข้ามาในกรุงเทพฯ นั้น เป็นไปได้ยาก แต่ก็ต้องเตรียมการรับมือ โดยการสำรวจ ตรวจวัดแรงสั่นสะเทือน เพื่อใช้ในการออกแบบก่อสร้างอาคารขนาดสูง เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งสิ่งสำคัญคือ ต้องใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ การศึกษาหาความรู้ และการทดสอบจริง ไม่ใช่เชื่อข่าวโคมลอย ขณะที่ภาคอีสานเป็นภาคที่มีความเสี่ยงเรื่องแผ่นดินไหวน้อยมาก ส่วนทางภาคเหนือและภาคตะวันตก จะมีความเสี่ยงระดับปานกลาง แต่ไม่มากนัก นอกจากนี้กรณีที่มีข่าวว่าอ่าวไทยมีภูเขาไฟนั้นไม่ใช่เรื่องจริง เพราะอ่าวไทยมีแต่ก๊าซธรรมชาติ
ด้าน นายบุรินทร์ เวชบรรเทิง รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ฝ่ายปฏิบัติการ กล่าวว่า จากการสำรวจพบว่าประเทศไทยมีรอยเลื่อน 14 กลุ่มรอย มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวไม่เกินขนาด7แมกนิจูด ขณะที่การเกิดสึนามิในไทยนั้นไม่น่าเป็นห่วง เพราะไทยได้นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยและรวดเร็วมาใช้ ทำให้ประชาชนสามารถรับรู้และป้องกันได้ทัน
นายสุวิทย์ โคสุวรรณ กรมทรัพยากรธรณี กล่าวว่า จากการสืบค้นข้อมูลในอดีต พบว่าเหตุการณ์แผ่นดินไหวในไทยนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจากจุดศูนย์กลางภายในประเทศ แต่ได้รับผลกระทบจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า ทะเลอันดามัน มากกว่า และผลกระทบที่จะเข้ามาในกรุงเทพฯ นั้น เป็นไปได้ยาก แต่ก็ต้องเตรียมการรับมือ โดยการสำรวจ ตรวจวัดแรงสั่นสะเทือน เพื่อใช้ในการออกแบบก่อสร้างอาคารขนาดสูง เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งสิ่งสำคัญคือ ต้องใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ การศึกษาหาความรู้ และการทดสอบจริง ไม่ใช่เชื่อข่าวโคมลอย ขณะที่ภาคอีสานเป็นภาคที่มีความเสี่ยงเรื่องแผ่นดินไหวน้อยมาก ส่วนทางภาคเหนือและภาคตะวันตก จะมีความเสี่ยงระดับปานกลาง แต่ไม่มากนัก นอกจากนี้กรณีที่มีข่าวว่าอ่าวไทยมีภูเขาไฟนั้นไม่ใช่เรื่องจริง เพราะอ่าวไทยมีแต่ก๊าซธรรมชาติ
ด้าน นายบุรินทร์ เวชบรรเทิง รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ฝ่ายปฏิบัติการ กล่าวว่า จากการสำรวจพบว่าประเทศไทยมีรอยเลื่อน 14 กลุ่มรอย มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวไม่เกินขนาด7แมกนิจูด ขณะที่การเกิดสึนามิในไทยนั้นไม่น่าเป็นห่วง เพราะไทยได้นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยและรวดเร็วมาใช้ ทำให้ประชาชนสามารถรับรู้และป้องกันได้ทัน
