วันนี้ (24พ.ค.) เมื่อเวลา 14.30 น. นายสุรัฐ ศิริไสยาสน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ กล่าวภายหลังนำกำลังเจ้าหน้าที่เจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ เข้าตรวจสอบเรือลากจูงบรรทุกถ่านหินล่ม บริเวณปากอ่าวแม่น้ำเจ้าพระยา ทุ่นที่ 21 ช่วงใกล้กับวัดอโศการาม ต.บางปู อ.เมือง ว่า เรือดังกล่าวเป็นเรือบรรทุกถ่านหินหนักประมาณ 1,700 ตัน ชื่อเรือภัทร 33 ของบริษัท ภัทรทรานสปอร์ต จำกัด โดยเหตุดังกล่าวเกิดตั้งแต่เวลา 21.30 น. ของวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากกระแสลม และคลื่นแรงในช่วงปากอ่าวแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้คลื่นซัดเข้าเรือกระทั่งจมลง แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
ขณะนี้อยู่ระหว่างเก็บกู้ซากเรือลำดังกล่าวขึ้นจากแม่น้ำ และอาจจะใช้เวลาหลายวัน เนื่องจากต้องนำถ่านหินออกจากเรือลำดังกล่าวให้หมดเสียก่อน จึงจะสามารถลากตัวเรือเข้าฝั่งได้ อย่างไรก็ตาม ที่เกิดเหตุนั้นไม่ได้กีดขวางเส้นทางสัญจรทางเรือบริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยาแต่อย่างใด
ทั้งนี้ชาวบ้านที่ทราบข่าวมีความกังวลว่าจะมีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม เพราะมีปริมาณถ่านหินจำนวนมาก ที่จมลงในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณปากอ่าว ประกอบกับอยู่ในช่วงวันหยุดจึงยังไม่มีหน่วยงานเข้าตรวจสอบเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ขณะที่ชาวประมงเรือเล็กที่ออกหาปลาตามชายฝั่ง ห่วงผลกระทบกับสัตว์น้ำและสิ่งแวดล้อม จึงอยากให้ทางสำนักงานทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมได้มาตรวจสอบว่าเหตุดังกล่าวมีผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมหรือไม่
ขณะนี้อยู่ระหว่างเก็บกู้ซากเรือลำดังกล่าวขึ้นจากแม่น้ำ และอาจจะใช้เวลาหลายวัน เนื่องจากต้องนำถ่านหินออกจากเรือลำดังกล่าวให้หมดเสียก่อน จึงจะสามารถลากตัวเรือเข้าฝั่งได้ อย่างไรก็ตาม ที่เกิดเหตุนั้นไม่ได้กีดขวางเส้นทางสัญจรทางเรือบริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยาแต่อย่างใด
ทั้งนี้ชาวบ้านที่ทราบข่าวมีความกังวลว่าจะมีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม เพราะมีปริมาณถ่านหินจำนวนมาก ที่จมลงในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณปากอ่าว ประกอบกับอยู่ในช่วงวันหยุดจึงยังไม่มีหน่วยงานเข้าตรวจสอบเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ขณะที่ชาวประมงเรือเล็กที่ออกหาปลาตามชายฝั่ง ห่วงผลกระทบกับสัตว์น้ำและสิ่งแวดล้อม จึงอยากให้ทางสำนักงานทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมได้มาตรวจสอบว่าเหตุดังกล่าวมีผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมหรือไม่