กรณี พระวิสุทธิสารเถร หรือเจ้าคุณหลวงตาจันทร์ เจ้าอาวาส วัดป่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน หมู่ 5 ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี และประธานมูลนิธิวัดป่าหลวงตามหาบัวฯ ประสบเหตุ โดนเสือโคร่งพันธุ์เบงกอล เพศผู้ ชื่อ เหินฟ้า อายุประมาณ 7-8 ปี กัดเข้าที่แขน ทำให้กระดูกแตก ส่วนใบหน้าถูกเล็บตะปบเป็นแผล เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 13.30 น. ของวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่วัดป่าฯ ได้นำตัวมาผ่าตัดที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลธนกาญจน์ ถ.แสงชูโต ต.บ้านใต้ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
นพ.สุเทพ สว่างเนตร ผอ.รพ.ธนกาญจน์ เปิดเผยว่า ขณะนี้หลวงตาจันทร์อาการปลอดภัยดีทุกอย่าง ฉันอาหารรวมทั้งพูดคุยกับญาติโยมที่ไปเยี่ยมได้ ส่วนอุบัติเหตุทราบว่า ก่อนเกิดเหตุหลวงตาจันทร์ได้จูงเสือโคร่งชื่อ "เหินฟ้า" ซึ่งเลี้ยงดูมาแต่เล็กจนเกิดความรัก และผูกพัน โดยขณะที่กำลังเดินจูงอยู่ หลวงตาเกิดเสียหลักล้ม มือที่จับเชือกจูงเจ้าเหินฟ้าจึงกระชากไปที่คอของมันอย่างแรง ทำให้เสือตกใจแว้งตบเข้าที่บริเวณใบหน้า และไหล่ ส่วนแขนขวาหักเพราะล้มกระแทกพื้น ซึ่งขณะนี้แพทย์ผ่าตัดจนกระดูกเข้าที่แล้ว ส่วนที่มีเลือดไหลมาก เนื่องจากหลวงตากินยารักษาโรคหัวใจเป็นประจำทุกวัน เมื่อมีบาดแผลเกิดขึ้นทำให้เลือดจับตัวแข็งช้าเป็นเหตุให้เลือดออกมากดังกล่าว อย่างไรก็ตามขณะนี้หลวงตาคงต้องพักฟื้นระยะหนึ่งแต่ก็ปลอดภัยดีทุกอย่างไม่มีปัญหาใดๆ
นายสุภาพ กอฟัก อายุ 51 ปี กำนันตำบลสิงห์ อ.ไทรโยค เปิดเผยว่า อาการของเจ้าอาวาส ไม่น่าเป็นห่วง และอาการไม่รุนแรง อย่างที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ท่านยังพูดได้ เดินได้ และฉันท์อาหารเช้าได้ตามปกติ บาดแผลจากการถูกเล็บของเสือตะปบ ที่บริเวณริมฝีปากด้านบน แพทย์ทำการเย็บ ประมาณ 3 เข็ม ใบหน้าส่วนอื่นก็มีร่องรอยของเล็บเสือ ข่วนบ้างเล็กน้อย ส่วนกระดูกแขนขวาที่แตก นั้น สาเหตุไม่ได้เกิดจากเสือกัด แต่เป็นเพราะ ขณะที่ท่านเดินจูงเสือลงเนินเพื่อนำไปที่เกาะ สำหรับแสดงเสือ ท่านเกิดลื่นล้มและแขนไปกระแทกกับก้อนหินจึงทำให้กระดูกแตกเล็กน้อย ส่วนบาดแผลไม่น่าเป็นห่วงมาก แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่า คือ ท่านเจ้าอาวาส ป่วยเป็นโรคหัวใจ จำเป็นจะต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด จึงเป็นสาเหตุ ที่ทางคณะแพทย์ของโรงพยาบาล ยังไม่อนุญาตให้ญาติธรรมเข้าเยี่ยม
ด้านนายเชิดชัย จริยะปัญญา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง)กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า เพิ่งทราบเรื่องว่าหลวงตาจันทร์เจ้าอาวาสวัดเสือถูกเสือทำร้าย แต่ไม่ทราบในรายละเอียด แต่จะเร่งรายงานเรื่องนี้ให้นายนิพนธ์ โชติบาล อธิบดีกรมอุทยานฯทราบ เพื่อพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป สำหรับเสือโคร่งทั้งหมด 147 ตัว เป็นของกลางของกรมอุทยานฯ เมื่อเป็นดังนี้คงต้องมีมาตรการในการป้องกันดูแลระหว่างวัด และกรมอุทยานฯ เพื่อไม่ให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดกับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศจะทำให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างยิ่ง
นพ.สุเทพ สว่างเนตร ผอ.รพ.ธนกาญจน์ เปิดเผยว่า ขณะนี้หลวงตาจันทร์อาการปลอดภัยดีทุกอย่าง ฉันอาหารรวมทั้งพูดคุยกับญาติโยมที่ไปเยี่ยมได้ ส่วนอุบัติเหตุทราบว่า ก่อนเกิดเหตุหลวงตาจันทร์ได้จูงเสือโคร่งชื่อ "เหินฟ้า" ซึ่งเลี้ยงดูมาแต่เล็กจนเกิดความรัก และผูกพัน โดยขณะที่กำลังเดินจูงอยู่ หลวงตาเกิดเสียหลักล้ม มือที่จับเชือกจูงเจ้าเหินฟ้าจึงกระชากไปที่คอของมันอย่างแรง ทำให้เสือตกใจแว้งตบเข้าที่บริเวณใบหน้า และไหล่ ส่วนแขนขวาหักเพราะล้มกระแทกพื้น ซึ่งขณะนี้แพทย์ผ่าตัดจนกระดูกเข้าที่แล้ว ส่วนที่มีเลือดไหลมาก เนื่องจากหลวงตากินยารักษาโรคหัวใจเป็นประจำทุกวัน เมื่อมีบาดแผลเกิดขึ้นทำให้เลือดจับตัวแข็งช้าเป็นเหตุให้เลือดออกมากดังกล่าว อย่างไรก็ตามขณะนี้หลวงตาคงต้องพักฟื้นระยะหนึ่งแต่ก็ปลอดภัยดีทุกอย่างไม่มีปัญหาใดๆ
นายสุภาพ กอฟัก อายุ 51 ปี กำนันตำบลสิงห์ อ.ไทรโยค เปิดเผยว่า อาการของเจ้าอาวาส ไม่น่าเป็นห่วง และอาการไม่รุนแรง อย่างที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ท่านยังพูดได้ เดินได้ และฉันท์อาหารเช้าได้ตามปกติ บาดแผลจากการถูกเล็บของเสือตะปบ ที่บริเวณริมฝีปากด้านบน แพทย์ทำการเย็บ ประมาณ 3 เข็ม ใบหน้าส่วนอื่นก็มีร่องรอยของเล็บเสือ ข่วนบ้างเล็กน้อย ส่วนกระดูกแขนขวาที่แตก นั้น สาเหตุไม่ได้เกิดจากเสือกัด แต่เป็นเพราะ ขณะที่ท่านเดินจูงเสือลงเนินเพื่อนำไปที่เกาะ สำหรับแสดงเสือ ท่านเกิดลื่นล้มและแขนไปกระแทกกับก้อนหินจึงทำให้กระดูกแตกเล็กน้อย ส่วนบาดแผลไม่น่าเป็นห่วงมาก แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่า คือ ท่านเจ้าอาวาส ป่วยเป็นโรคหัวใจ จำเป็นจะต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด จึงเป็นสาเหตุ ที่ทางคณะแพทย์ของโรงพยาบาล ยังไม่อนุญาตให้ญาติธรรมเข้าเยี่ยม
ด้านนายเชิดชัย จริยะปัญญา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง)กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า เพิ่งทราบเรื่องว่าหลวงตาจันทร์เจ้าอาวาสวัดเสือถูกเสือทำร้าย แต่ไม่ทราบในรายละเอียด แต่จะเร่งรายงานเรื่องนี้ให้นายนิพนธ์ โชติบาล อธิบดีกรมอุทยานฯทราบ เพื่อพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป สำหรับเสือโคร่งทั้งหมด 147 ตัว เป็นของกลางของกรมอุทยานฯ เมื่อเป็นดังนี้คงต้องมีมาตรการในการป้องกันดูแลระหว่างวัด และกรมอุทยานฯ เพื่อไม่ให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดกับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศจะทำให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างยิ่ง
