นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร่วมกับนายวัลลภ พริ้งพงษ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) เป็นประธานเปิดการประชุมชี้แจงการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (ITA) ให้กับหน่วยงานที่รับผิดชอบการประเมินกว่า 121 หน่วยงาน
นายสรรเสริญ กล่าวว่า ป.ป.ช.พยายามสร้างเครื่องมือในการทำงานเพื่อประเมินคุณธรรมและวัดความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ แก้ปัญหาการทุจริต นำไปสู่การยกระดับดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชัน (CPI) ของประเทศให้สูงขึ้น ซึ่งจะดำเนินงานครอบคลุมหน่วยงานภาครัฐทั้งหมดประมาณ 8,200 หน่วยงาน เช่น องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา สำนักงานศาล รัฐวิสาหกิจ ส่วนราชการจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น โดยจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ 2560 มีสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ร่วมรับผิดชอบการประเมินให้เสร็จทันตามกำหนด โดยใช้งบประมาณดำเนินการทั้งสิ้น 249 ล้านบาท ซึ่งในการจัดทำแผนวัดความโปร่งใส องค์กรท้องถิ่นจะต้องจัดประชุมให้ความรู้ และส่งรายละเอียดข้อมูลรายละเอียดโครงการที่จะดำเนินการมาให้ ป.ป.ช.ประจำจังหวัด รวมถึงจัดจ้างทีมที่ปรึกษาเข้าไปดูแลในแต่ละโครงการ
ทั้งนี้ ยืนยันว่า การประเมินนี้ไม่ใช่การจับผิด แต่เป็นการหาจุดอ่อน จุดแข็ง ของแต่ละท้องที่ เพื่อนำมาปรับปรุง และจะมีการมอบรางวัลให้กับองค์กรปกครองท้องถิ่นที่มีผลการประเมินดีด้วย
ด้านนายวัลลภ กล่าวว่า การสร้างความโปร่งใสเป็นนโยบายของรัฐบาล และความพยายามของท้องถิ่นที่ดำเนินการแล้ว เพราะที่ผ่านมาจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ความไม่โปร่งใสของท้องถิ่น จึงต้องการตรวจสอบให้เกิดความชัดเจน อีกทั้งในปี 2559 ท้องถิ่นได้รับงบประมาณกว่า 650,000 ล้านบาท ซึ่งต้องการคนที่โปร่งใส มีคุณธรรมเข้าไปบริหาร ดังนั้นการจะใช้รูปแบบ ITA ประเมิน ถือว่าเป็นผลดี และจะได้ลำดับของคุณธรรมความโปร่งใสขององค์กรท้องถิ่นกว่า 7,000 แห่ง ชี้วัดว่าท้องถิ่นใดได้มาตรฐาน หรือตกมาตรฐาน และต้องปรับปรุงในเรื่องใดบ้าง เพราะองค์กรท้องถิ่น ถือเป็นส่วนสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ และสร้างภาพลักษณ์ของประเทศให้อยู่ในลำดับที่ดีขึ้นสำหรับการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน
นายสรรเสริญ กล่าวว่า ป.ป.ช.พยายามสร้างเครื่องมือในการทำงานเพื่อประเมินคุณธรรมและวัดความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ แก้ปัญหาการทุจริต นำไปสู่การยกระดับดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชัน (CPI) ของประเทศให้สูงขึ้น ซึ่งจะดำเนินงานครอบคลุมหน่วยงานภาครัฐทั้งหมดประมาณ 8,200 หน่วยงาน เช่น องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา สำนักงานศาล รัฐวิสาหกิจ ส่วนราชการจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น โดยจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ 2560 มีสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ร่วมรับผิดชอบการประเมินให้เสร็จทันตามกำหนด โดยใช้งบประมาณดำเนินการทั้งสิ้น 249 ล้านบาท ซึ่งในการจัดทำแผนวัดความโปร่งใส องค์กรท้องถิ่นจะต้องจัดประชุมให้ความรู้ และส่งรายละเอียดข้อมูลรายละเอียดโครงการที่จะดำเนินการมาให้ ป.ป.ช.ประจำจังหวัด รวมถึงจัดจ้างทีมที่ปรึกษาเข้าไปดูแลในแต่ละโครงการ
ทั้งนี้ ยืนยันว่า การประเมินนี้ไม่ใช่การจับผิด แต่เป็นการหาจุดอ่อน จุดแข็ง ของแต่ละท้องที่ เพื่อนำมาปรับปรุง และจะมีการมอบรางวัลให้กับองค์กรปกครองท้องถิ่นที่มีผลการประเมินดีด้วย
ด้านนายวัลลภ กล่าวว่า การสร้างความโปร่งใสเป็นนโยบายของรัฐบาล และความพยายามของท้องถิ่นที่ดำเนินการแล้ว เพราะที่ผ่านมาจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ความไม่โปร่งใสของท้องถิ่น จึงต้องการตรวจสอบให้เกิดความชัดเจน อีกทั้งในปี 2559 ท้องถิ่นได้รับงบประมาณกว่า 650,000 ล้านบาท ซึ่งต้องการคนที่โปร่งใส มีคุณธรรมเข้าไปบริหาร ดังนั้นการจะใช้รูปแบบ ITA ประเมิน ถือว่าเป็นผลดี และจะได้ลำดับของคุณธรรมความโปร่งใสขององค์กรท้องถิ่นกว่า 7,000 แห่ง ชี้วัดว่าท้องถิ่นใดได้มาตรฐาน หรือตกมาตรฐาน และต้องปรับปรุงในเรื่องใดบ้าง เพราะองค์กรท้องถิ่น ถือเป็นส่วนสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ และสร้างภาพลักษณ์ของประเทศให้อยู่ในลำดับที่ดีขึ้นสำหรับการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน
