วันนี้ (14 พ.ค.) นายฮุซัยน์ กะมาลียัน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ ณ ห้องรับรองศาลาว่าการกลาโหม
พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยผลการหารือระหว่างเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านประจำประเทศไทย กับ พล.อ.ประวิตร ว่า สองฝ่ายได้หารือและกล่าวถึงความสัมพันธ์ไทย-อิหร่านที่มาต่อเนื่องยาวนาน แสดงถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและความเป็นมิตรที่ดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ โดยเอกอัครราชทูตอิหร่านระบุว่ามีความเข้าใจถึงพัฒนาทางการเมืองของไทย และทราบถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รัฐบาล และคนไทยทั้งประเทศ ที่กำลังร่วมกันขับเคลื่อนแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นสู่อนาคตที่ดีขึ้น เพื่อนำไปสู่การพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องภายในของประเทศไทยที่ไม่ควรมีใครมาก้าวก่าย
นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านประจำประเทศไทย กล่าวว่า มีความพร้อมและประสงค์ที่จะยกระดับพัฒนาความสัมพันธ์กับประเทศไทยในทุกด้าน โดยเฉพาะความมั่นคง เพื่อร่วมกันพัฒนาและรักษาความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศที่มีมายาวนานให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ในการนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณประชาชนอิหร่านที่มีความเข้าใจต่อสถานการณ์การเมืองไทยและการขับเคลื่อนแก้ปัญหาตามโรดแมปที่กำหนด พร้อมทั้งชื่นชมและยินดีต่อมิตรภาพและความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศที่มีมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน โดยรัฐบาลปัจจุบันพร้อมที่จะพัฒนาความร่วมมือ ทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงระหว่างกันให้มากขึ้น เพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งสองประเทศ รวมทั้งความสงบสุขและมั่นคงที่ยั่งยืนของภูมิภาคร่วมกัน
พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยผลการหารือระหว่างเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านประจำประเทศไทย กับ พล.อ.ประวิตร ว่า สองฝ่ายได้หารือและกล่าวถึงความสัมพันธ์ไทย-อิหร่านที่มาต่อเนื่องยาวนาน แสดงถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและความเป็นมิตรที่ดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ โดยเอกอัครราชทูตอิหร่านระบุว่ามีความเข้าใจถึงพัฒนาทางการเมืองของไทย และทราบถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รัฐบาล และคนไทยทั้งประเทศ ที่กำลังร่วมกันขับเคลื่อนแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นสู่อนาคตที่ดีขึ้น เพื่อนำไปสู่การพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องภายในของประเทศไทยที่ไม่ควรมีใครมาก้าวก่าย
นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านประจำประเทศไทย กล่าวว่า มีความพร้อมและประสงค์ที่จะยกระดับพัฒนาความสัมพันธ์กับประเทศไทยในทุกด้าน โดยเฉพาะความมั่นคง เพื่อร่วมกันพัฒนาและรักษาความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศที่มีมายาวนานให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ในการนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณประชาชนอิหร่านที่มีความเข้าใจต่อสถานการณ์การเมืองไทยและการขับเคลื่อนแก้ปัญหาตามโรดแมปที่กำหนด พร้อมทั้งชื่นชมและยินดีต่อมิตรภาพและความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศที่มีมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน โดยรัฐบาลปัจจุบันพร้อมที่จะพัฒนาความร่วมมือ ทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงระหว่างกันให้มากขึ้น เพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งสองประเทศ รวมทั้งความสงบสุขและมั่นคงที่ยั่งยืนของภูมิภาคร่วมกัน