ความคืบหน้าเกี่ยวกับไฟไหม้ป่าในพื้นที่ 3 หมู่บ้าน 2 ตำบล ในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ซึ่งประกอบด้วยบ้านโคกกูโน ม.3 บ้านกูแบอีแก ม.4 ต.ปูโยะ และบ้านซรายอ ม.1 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก เป็นเวลาติดต่อกัน 5 วันที่ผ่านมา
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ไฟไหม้เอาไว้ได้ เนื่องจากต้นเพลิงอยู่ชั้นใต้ดินทำให้ยากต่อการดับ และแหล่งน้ำที่ใช้ในการดับไฟก็มีน้อย เนื่องจากอยู่ในช่วงหน้าแล้ง และยังมีกระแสลมที่พัดกระโชกแรง ส่งผลทำให้ไฟที่คุกรุ่นชั้นใต้ดินค่อยๆ ขยายวงกว้าง ตรวจสอบพื้นที่ได้รับความเสียหายไปแล้วกว่า 400 ไร่ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทำได้เพียงฉีดน้ำสกัดกั้นต้นเพลิง ไม่ให้ลุกลามขยายวงกว้างกินพื้นที่ใกล้เคียง ส่วนต้นเพลิงที่เป็นต้นเพลิงอยู่ในบริเวณป่าลึกเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเดินเข้าไปดับไฟได้
ไฟไหม้ป่าและพื้นที่ทางการเกษตรของประชาชน มีลักษณะพื้นที่เป็นป่าพรุ โดยเฉพาะต้นเพลิงที่กำลังคุกรุ่นอยู่ชั้นใต้ดิน เป็นอุปสรรคทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ คือ ปัญหาแหล่งน้ำที่ใช้ดับไฟแห้งขอด ต้องเสียเวลาในการขุดเจาะ และประการสำคัญเรื่องของกระแสลมที่พัดกระโชกแรง ส่งผลทำให้ไฟที่คุกรุ่นชั้นใต้ดินค่อยๆ ขยายวงกว้าง
อย่างไรก็ตาม นายวรเชษฐ์ พรมโอภาษ นายอำเภอสุไหงโก-ลก ที่ได้เดินทางไปอำนวยการดับไฟไหม้ป่าที่เกิดขึ้น พร้อมประสานไปยังศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง เพื่อขอสนับสนุนการทำฝนเทียมในการดับไฟไหม้ป่าในครั้งนี้แล้ว แต่ยังไม่สามารถกระทำได้ เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย และหากทุกอย่างพร้อมทางศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง จะขึ้นบินเร่งทำฝนเทียมเพื่อดับไฟป่าในโอกาสต่อไป
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ไฟไหม้เอาไว้ได้ เนื่องจากต้นเพลิงอยู่ชั้นใต้ดินทำให้ยากต่อการดับ และแหล่งน้ำที่ใช้ในการดับไฟก็มีน้อย เนื่องจากอยู่ในช่วงหน้าแล้ง และยังมีกระแสลมที่พัดกระโชกแรง ส่งผลทำให้ไฟที่คุกรุ่นชั้นใต้ดินค่อยๆ ขยายวงกว้าง ตรวจสอบพื้นที่ได้รับความเสียหายไปแล้วกว่า 400 ไร่ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทำได้เพียงฉีดน้ำสกัดกั้นต้นเพลิง ไม่ให้ลุกลามขยายวงกว้างกินพื้นที่ใกล้เคียง ส่วนต้นเพลิงที่เป็นต้นเพลิงอยู่ในบริเวณป่าลึกเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเดินเข้าไปดับไฟได้
ไฟไหม้ป่าและพื้นที่ทางการเกษตรของประชาชน มีลักษณะพื้นที่เป็นป่าพรุ โดยเฉพาะต้นเพลิงที่กำลังคุกรุ่นอยู่ชั้นใต้ดิน เป็นอุปสรรคทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ คือ ปัญหาแหล่งน้ำที่ใช้ดับไฟแห้งขอด ต้องเสียเวลาในการขุดเจาะ และประการสำคัญเรื่องของกระแสลมที่พัดกระโชกแรง ส่งผลทำให้ไฟที่คุกรุ่นชั้นใต้ดินค่อยๆ ขยายวงกว้าง
อย่างไรก็ตาม นายวรเชษฐ์ พรมโอภาษ นายอำเภอสุไหงโก-ลก ที่ได้เดินทางไปอำนวยการดับไฟไหม้ป่าที่เกิดขึ้น พร้อมประสานไปยังศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง เพื่อขอสนับสนุนการทำฝนเทียมในการดับไฟไหม้ป่าในครั้งนี้แล้ว แต่ยังไม่สามารถกระทำได้ เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย และหากทุกอย่างพร้อมทางศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง จะขึ้นบินเร่งทำฝนเทียมเพื่อดับไฟป่าในโอกาสต่อไป
