วันนี้ (6 พ.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ และฝ่ายปกครอง สนธิกำลังกว่า 50 นาย บุกยึดทรัพย์เครือข่ายค้ายาบ้าเรือนจำ จำนวน 2 ราย โดยรายแรก อยู่บ้านเลขที่ 53 ม.4 ต.คลองวัว อ.เมือง จ.อ่างทอง มีนางสาหร่าย ดีพลา อายุ 60 ปี เป็นเจ้าของบ้าน หลังการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ยึดทรัพย์เป็นตู้เซฟ ซึ่งภายในมีพระเครื่องจำนวนหลายชุด มูลค่าหลายล้านบาท เอกสารครอบครองสิทธิ สมุดบัญชีธนาคารซึ่งมีเงินหมุนเวียนร่วมล้านบาท และมีการถ่ายโอนจำนวนเงิน 700,000 บาท จักรยายนต์ จำนวน 2 คัน และจดหมายจำนวนหนึ่งซึ่งเป็นจดหมายที่ติดต่อกับนักโทษภายในเรือนจำมีการระบุหมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้ในการติดต่อ เงินสดจำนวน 70,025 บาท
ส่วนรายที่ 2 อยู่บ้านเลขที่ 3/2 ม.4 ต.คลองวัว อ.เมือง จ.อ่างทอง มี นางวันเพ็ญ ดีพลา เป็นเจ้าของบ้าน มีอาชีพตัดใบตองส่งขายตลาด ทำการยึดตู้เซฟจำนวน 1 ตู้ แต่ยังไม่สามารถเปิดตรวจสอบทรัพย์สินภายในได้ โฉนดที่ดินกว่า 10 เล่ม โดยนางวันเพ็ญ อ้างว่า ตู้เซฟใบนี้เป็นของหลานสะใภ้ชื่อ เอ๋ ซึ่งติดคุกคดียาเสพติดอยู่ที่เรือนจำ จ.เชียงใหม่ เมื่อ 5 ปีที่แล้ว และนำมาฝากไว้ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ทำการตรวจยึดทรัพย์สินทั้งหมด และทำการตรวจสอบที่มาที่ไปอย่างละเอียดอีกครั้ง
สำหรับการเข้าตรวจค้นในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือกันจากหลายหน่วยงานในการปราบปรามยาเสพติด ซึ่งสืบทราบว่ามีการประสานงานออกมาจากเรือนจำว่าผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 ราย ซึ่งเป็นพี่น้องกัน มีการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดมานานแล้ว เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจค้นและเข้าจับกุมตัวเพื่อนำมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ส่วนรายที่ 2 อยู่บ้านเลขที่ 3/2 ม.4 ต.คลองวัว อ.เมือง จ.อ่างทอง มี นางวันเพ็ญ ดีพลา เป็นเจ้าของบ้าน มีอาชีพตัดใบตองส่งขายตลาด ทำการยึดตู้เซฟจำนวน 1 ตู้ แต่ยังไม่สามารถเปิดตรวจสอบทรัพย์สินภายในได้ โฉนดที่ดินกว่า 10 เล่ม โดยนางวันเพ็ญ อ้างว่า ตู้เซฟใบนี้เป็นของหลานสะใภ้ชื่อ เอ๋ ซึ่งติดคุกคดียาเสพติดอยู่ที่เรือนจำ จ.เชียงใหม่ เมื่อ 5 ปีที่แล้ว และนำมาฝากไว้ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ทำการตรวจยึดทรัพย์สินทั้งหมด และทำการตรวจสอบที่มาที่ไปอย่างละเอียดอีกครั้ง
สำหรับการเข้าตรวจค้นในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือกันจากหลายหน่วยงานในการปราบปรามยาเสพติด ซึ่งสืบทราบว่ามีการประสานงานออกมาจากเรือนจำว่าผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 ราย ซึ่งเป็นพี่น้องกัน มีการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดมานานแล้ว เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจค้นและเข้าจับกุมตัวเพื่อนำมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
