พล.ต.ท.ดร.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงสรุปรายละเอียดการเข้าแจ้งความในนคดียูฟัน ณ โถงหน้าห้องประชุม บก.ปคบ. ชั้น 4 ว่า การดำเนินการสืบสวนสอบสวนกับแชร์ลูกโซ่ข้ามชาติเครือข่ายยูฟันว่า พบมีผู้เสียหายจำนวน 12,000 คน มีมูลค่าความเสียหายกว่า 38,000 ล้านบาท โดยกลุ่มผู้กระทำความผิดในคดีนี้ มีการกระทำผิด และถูกดำเนินการมากกว่า 3 ประเทศ จึงยกระดับ และให้ความสำคัญของคดีมากขึ้น เนื่องจากเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้ได้รับความร่วมมือจากทุกประเทศในการติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดี วันนี้ได้เชิญพนักงานอัยการเข้าร่วมสืบสวนคดี
พล.ต.ท.ดร.สุวิระ กล่าวอีกว่า ได้หารือแนวทางการปฏิบัติในการดำเนินคดีกับกลุ่มบริษัทยูฟัน ในข้อหามีส่วนร่วมในอาชญากรรมข้ามชาติ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 ซึ่งมีอัตราโทษสูงกว่าฐานความผิดเดิม และในมาตรา 12 ของ พ.ร.บ. ดังกล่าวยังบัญญัติไว้ด้วยว่า เพื่อประโยชน์ในการประสานการปฏิบัติงาน ให้อัยการสูงสุด ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และหัวหน้าหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกรมสอบสวนคดีพิเศษ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และ กรมการปกครอง ตกลงกันเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ในคดีอีกด้วยซึ่งพนักงานสอบสวนจะได้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานความเชื่อมโยงกับต่างประเทศ เพื่อร้องขอให้อัยการสูงสุดเข้าร่วมการสอบสวน
นายสุรศักดิ์ ตรีรัตนกูล อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีสอบสวน กล่าวว่า ผู้ต้องหาคดียูฟันได้ร่วมกันกระทำผิดทั้งใน และนอกประเทศเกี่ยวพันกัน ในแนวทางการดำเนินคดีจะต้องนำตัวกลับมาดำเนินคดีอาญาตามกฎหมายไทย นอกจากจะดำเนินคดีในข้อหากู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนแล้ว ทางพนักงานอัยการ และชุดสืบสวนเตรียมพิจารณาการกระทำผิดดังกล่าว เข้าข่ายข้อหาอาชญากรรมข้ามชาติตามกฎหมายใหม่หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อดำเนินการต่อไป
พล.ต.ท.ดร.สุวิระ กล่าวอีกว่า ได้หารือแนวทางการปฏิบัติในการดำเนินคดีกับกลุ่มบริษัทยูฟัน ในข้อหามีส่วนร่วมในอาชญากรรมข้ามชาติ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 ซึ่งมีอัตราโทษสูงกว่าฐานความผิดเดิม และในมาตรา 12 ของ พ.ร.บ. ดังกล่าวยังบัญญัติไว้ด้วยว่า เพื่อประโยชน์ในการประสานการปฏิบัติงาน ให้อัยการสูงสุด ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และหัวหน้าหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกรมสอบสวนคดีพิเศษ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และ กรมการปกครอง ตกลงกันเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ในคดีอีกด้วยซึ่งพนักงานสอบสวนจะได้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานความเชื่อมโยงกับต่างประเทศ เพื่อร้องขอให้อัยการสูงสุดเข้าร่วมการสอบสวน
นายสุรศักดิ์ ตรีรัตนกูล อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีสอบสวน กล่าวว่า ผู้ต้องหาคดียูฟันได้ร่วมกันกระทำผิดทั้งใน และนอกประเทศเกี่ยวพันกัน ในแนวทางการดำเนินคดีจะต้องนำตัวกลับมาดำเนินคดีอาญาตามกฎหมายไทย นอกจากจะดำเนินคดีในข้อหากู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนแล้ว ทางพนักงานอัยการ และชุดสืบสวนเตรียมพิจารณาการกระทำผิดดังกล่าว เข้าข่ายข้อหาอาชญากรรมข้ามชาติตามกฎหมายใหม่หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อดำเนินการต่อไป