รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม เป็นประธาน ได้สั่งการให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จัดเก็บภาษีในปีงบประมาณ 59 ให้มีสัดส่วนรายได้สูงกว่าปี 58 ที่เก็บได้ 60,000 ล้านบาท เพิ่มอีก 10,000 ล้านบาท โดยเฉพาะการจัดเก็บจากภาษีที่ดิน ซึ่งล่าสุดกรมที่ดินได้จัดทำราคาประเมินใหม่ในช่วงต้นปี 58 แทนอัตราฐานเก่าที่จัดเก็บมาตั้งแต่ปี 20-24 เชื่อว่า หากจัดเก็บรายได้ตามเป้าจะช่วยลดภาระการอุดหนุนของรัฐบาลลงได้ประมาณปีละ 8,540 ล้านบาท ก่อนนำรายได้ดังกล่าวไปเป็นงบกลาง เพื่อใช้ในโครงการการสำคัญอื่นๆ ของรัฐแทน
“การปรับราคาประเมินที่ดินใหม่ จะช่วยให้การจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น ซึ่งได้รับยืนยันว่า ขณะนี้กฎหมายทำแล้วเรียบร้อย และกระทรวงมหาดไทยก็มีอำนาจบังคับใช้ แต่ที่ผ่านมามหาดไทยกลับไม่ทำ เพราะกลัวว่าจะเสียผลประโยชน์และฐานเสียงในพื้นที่ ดังนั้นพล.อ.ประวิตร จึงให้กระทรวงมหาดไทยเร่งทำเรื่องนี้ เพราะรัฐบาลนี้ไม่ต้องกังวลเรื่องเสียประโยชน์ ซึ่งสำนักงบประมาณ ได้ระบุ ในแผนการจัดทำงบประมาณว่า ให้กระทรวงมหาดไทยกำกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ให้เร่งรัดการเพิ่มอัตราจัดเก็บรายได้ให้มีฐานภาษีครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่รั่วไหล และให้ทบทวนอัตราจัดเก็บภาษีด้วย แต่ รมว.มหาดไทย เสนอว่า ต้องระบุลงไปในมติที่ชัดเจนว่าให้จัดเก็บภาษีในสัดส่วนที่สูงกว่าปี 58”
“การปรับราคาประเมินที่ดินใหม่ จะช่วยให้การจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น ซึ่งได้รับยืนยันว่า ขณะนี้กฎหมายทำแล้วเรียบร้อย และกระทรวงมหาดไทยก็มีอำนาจบังคับใช้ แต่ที่ผ่านมามหาดไทยกลับไม่ทำ เพราะกลัวว่าจะเสียผลประโยชน์และฐานเสียงในพื้นที่ ดังนั้นพล.อ.ประวิตร จึงให้กระทรวงมหาดไทยเร่งทำเรื่องนี้ เพราะรัฐบาลนี้ไม่ต้องกังวลเรื่องเสียประโยชน์ ซึ่งสำนักงบประมาณ ได้ระบุ ในแผนการจัดทำงบประมาณว่า ให้กระทรวงมหาดไทยกำกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ให้เร่งรัดการเพิ่มอัตราจัดเก็บรายได้ให้มีฐานภาษีครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่รั่วไหล และให้ทบทวนอัตราจัดเก็บภาษีด้วย แต่ รมว.มหาดไทย เสนอว่า ต้องระบุลงไปในมติที่ชัดเจนว่าให้จัดเก็บภาษีในสัดส่วนที่สูงกว่าปี 58”
