พ.ต.อ.สมพล อิสสระเสรี ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจทางหลวง พร้อมด้วย พ.ต.ท.รัฐพร คงสุโข สารวัตร สถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจทางหลวง และ ร.ต.อ.พรชัย แสงศิลา รอง สว.ตำรจทางหลวงขอนแกน ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม นายสุวรรณ สิมาทอง อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93 ม.3 บ้านโนนสวน ต.สำโรง อ.สำโรง จ.อุบลราชธานี พร้อมของกลางกัญชาอัดแท่ง จำนวน 350 แท่ง รถยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น แจส สีเทา หมายเลขทะเบียน ศท-6735 กทม. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงประจำหน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงน้ำพอง จับกุมได้ ขณะจอดรถอยู่ริม ถ.มิตรภาพ ฝั่งขาล่องมุ่งหน้า กรุงเทพฯ กม.384-385 ห่างจากจุดตรวจตำรวจทางหลวงเขาสวนกวาง 500 เมตร
จากการสอบสวนนายสุวรรณ ให้การรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจากนายอุทัย เทียบหนู อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 125 ม.1 อ.บรบือ จ.มหาสารคาม ให้ไปรับกัญชาจากบริเวณริม ถนนเลียบแม่น้ำโขง เขต อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ ให้ไปส่งในเขตนิมิตใหม่ กรุงเทพฯโดยได้รับค่าจ้าง จำนวน 30.000 บาท เมื่อนำกัญชาส่งถึงที่หมายแล้ว ซึ่งก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเคยลักลอบทำมาแล้ว 1 ครั้ง ครั้งนี้เป็นคัร้งที่ 2 จึงถูกตำรวจทางหลวงจับกุมตัวได้ดังกล่าว ขณะที่เส้นทางที่ใช้ในการลำเลียงขนส่งนั้นใช้นเส้นทางถนนสาย บุ่งคล้า ผ่าน พรเจริญ -พังโคน -สว่างแดนดิน- หนองหาน- กุมภวาปี- ขอนแก่น ซึ่งจะมีรถที่ร่วมขบวนการอีก 1 คัน ทำหน้าที่ขับนำหน้าเพื่อตรวจสอบการตั้งด่านของเจ้าหน้าที่ แต่กลับมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ดังกล่าว
พ.ต.อ.สมพล กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา และมีการซัดทอดไปยังผู้ร่วมขบวนการดังกล่าวทั้งหมด โดยเฉพาะรถที่ใช้ในการนำหน้ารถขนยาเสพติดดังกล่าวคือ โตโยต้า รุ่น ไมตี้เอ็กซ์ สีเทา ทะเบียน บล-5804 อุบลราชธานี ซึ่งขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงทำการตั้งจุดตรวจนั้นได้ขับรถผ่านจุดตรวจไป-มา รวมหลายรอบ จนเป็นที่สงสัยของเจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถวิทยุตรวจการณืตำรวจทางหลวงขับตรวจย้อนกลับไปตลอดแนวถนนมิตรภาพ จนกระทั่งพบผู้ต้องหาและรถจอดอยู่ริมถนน จึงแสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น ก่อนทำการตรวจยึดของกลางได้ดังกล่าวทั้งหมด และนำมาทำการสอบปากคำและขยายผลที่ตำรวจทางหลวงขอนแก่น ซึ่งหากของกลางกัญชา 350 กก.สามารถส่งจำหน่ายไปได้ตามที่นัดหมายจะมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 6,000,000 บาท หากมีการจำหน่ายกันในราคา กก.ละ 15,000 บาท อย่างไรก็ตามหลังการสอบปากคำแล้วเสร็จจึงตั้งข้อกล่าวหาว่ามียาเสพติดประเภทที่ 5 กัญชา ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ก่อนทำการควบคุมตัวผู้ต้องหาและของกลางทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เขาสวนกวาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบสวนนายสุวรรณ ให้การรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจากนายอุทัย เทียบหนู อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 125 ม.1 อ.บรบือ จ.มหาสารคาม ให้ไปรับกัญชาจากบริเวณริม ถนนเลียบแม่น้ำโขง เขต อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ ให้ไปส่งในเขตนิมิตใหม่ กรุงเทพฯโดยได้รับค่าจ้าง จำนวน 30.000 บาท เมื่อนำกัญชาส่งถึงที่หมายแล้ว ซึ่งก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเคยลักลอบทำมาแล้ว 1 ครั้ง ครั้งนี้เป็นคัร้งที่ 2 จึงถูกตำรวจทางหลวงจับกุมตัวได้ดังกล่าว ขณะที่เส้นทางที่ใช้ในการลำเลียงขนส่งนั้นใช้นเส้นทางถนนสาย บุ่งคล้า ผ่าน พรเจริญ -พังโคน -สว่างแดนดิน- หนองหาน- กุมภวาปี- ขอนแก่น ซึ่งจะมีรถที่ร่วมขบวนการอีก 1 คัน ทำหน้าที่ขับนำหน้าเพื่อตรวจสอบการตั้งด่านของเจ้าหน้าที่ แต่กลับมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ดังกล่าว
พ.ต.อ.สมพล กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา และมีการซัดทอดไปยังผู้ร่วมขบวนการดังกล่าวทั้งหมด โดยเฉพาะรถที่ใช้ในการนำหน้ารถขนยาเสพติดดังกล่าวคือ โตโยต้า รุ่น ไมตี้เอ็กซ์ สีเทา ทะเบียน บล-5804 อุบลราชธานี ซึ่งขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงทำการตั้งจุดตรวจนั้นได้ขับรถผ่านจุดตรวจไป-มา รวมหลายรอบ จนเป็นที่สงสัยของเจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถวิทยุตรวจการณืตำรวจทางหลวงขับตรวจย้อนกลับไปตลอดแนวถนนมิตรภาพ จนกระทั่งพบผู้ต้องหาและรถจอดอยู่ริมถนน จึงแสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น ก่อนทำการตรวจยึดของกลางได้ดังกล่าวทั้งหมด และนำมาทำการสอบปากคำและขยายผลที่ตำรวจทางหลวงขอนแก่น ซึ่งหากของกลางกัญชา 350 กก.สามารถส่งจำหน่ายไปได้ตามที่นัดหมายจะมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 6,000,000 บาท หากมีการจำหน่ายกันในราคา กก.ละ 15,000 บาท อย่างไรก็ตามหลังการสอบปากคำแล้วเสร็จจึงตั้งข้อกล่าวหาว่ามียาเสพติดประเภทที่ 5 กัญชา ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ก่อนทำการควบคุมตัวผู้ต้องหาและของกลางทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เขาสวนกวาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป