ดร.พสุ โลหารชุน อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากสถิติปี 2555-2557 พบว่า จังหวัดที่เกิดอัคคีภัยอันดับหนึ่ง ได้แก่ สมุทรสาคร 19 ราย อันดับสอง ได้แก่ สมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร และ ชลบุรี จังหวัดละ 15 ราย อันดับสามได้แก่ ปทุมธานี 14 ราย หากเจาะลึกถึงประเภทโรงงานที่เกิดอัคคีภัยหลายครั้งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาพบว่า อันดับหนึ่งคือ โรงงานผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับอาหาร 23 ราย อันดับสองโรงงานสิ่งทอ 13 ราย อันดับสามโรงงานคัดแยกวัสดุไม่ใช้แล้ว 10 ราย อันดับสี่โรงงานเครื่องเรือนจากไม้ วงกบ ประตู หน้าต่างไม้และโรงงานชิ้นส่วนรถยนต์ ประเภทละ 9 ราย และอันดับห้าคือโรงงานผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับพลาสติก 7 ราย
ทั้งนี้หากนับจำนวนอัคคีภัยในโรงงาน 3 ปีย้อนหลังพบว่า ในปี 2555 เกิดขึ้น 30 ราย ปี 2556 เกิดขึ้น 50 ราย และในปี 2557 เกิดขึ้น 73 ราย ซึ่งสถิติปี 2557 เกิดอัคคีภัยในโรงงานสูงกว่าปี 2556 ถึง 46% ความเสียหายแต่ละปีมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท
กรมโรงงานอุตสาหกรรม จึงได้เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์อัคคีภัยในโรงงานอุตสาหกรรม ตามประกาศกระทรวงเรื่อง การป้องกันและระงับอัคคีภัยในโรงงาน พ.ศ. 2552 จำนวน 28 ข้อ อาทิ 1.อาคารโรงงานต้องจัดให้มีอุปกรณ์ตรวจจับและแจ้งเหตุเพลิงไหม้อัตโนมัติ ในพื้นที่ที่ไม่มีคนปฏิบัติงานประจำ และมีการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือจัดเก็บวัตถุไวไฟหรือวัตถุที่ติดไฟได้ 2.โรงงานที่มีโกดังจัดเก็บวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์ที่ติดไฟได้ที่มีพื้นที่ต่อเนื่องติดต่อกันตั้งแต่ 1,000 ตร.ม. ขึ้นไป ต้องติดตั้งระบบดับเพลิงอัตโนมัติ 3.สถานที่จัดเก็บวัตถุไวไฟที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 14 ตารางเมตรขึ้นไป ต้องติดตั้งระบบดับเพลิงอัตโนมัติ เป็นต้น
ทั้งนี้หากนับจำนวนอัคคีภัยในโรงงาน 3 ปีย้อนหลังพบว่า ในปี 2555 เกิดขึ้น 30 ราย ปี 2556 เกิดขึ้น 50 ราย และในปี 2557 เกิดขึ้น 73 ราย ซึ่งสถิติปี 2557 เกิดอัคคีภัยในโรงงานสูงกว่าปี 2556 ถึง 46% ความเสียหายแต่ละปีมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท
กรมโรงงานอุตสาหกรรม จึงได้เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์อัคคีภัยในโรงงานอุตสาหกรรม ตามประกาศกระทรวงเรื่อง การป้องกันและระงับอัคคีภัยในโรงงาน พ.ศ. 2552 จำนวน 28 ข้อ อาทิ 1.อาคารโรงงานต้องจัดให้มีอุปกรณ์ตรวจจับและแจ้งเหตุเพลิงไหม้อัตโนมัติ ในพื้นที่ที่ไม่มีคนปฏิบัติงานประจำ และมีการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือจัดเก็บวัตถุไวไฟหรือวัตถุที่ติดไฟได้ 2.โรงงานที่มีโกดังจัดเก็บวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์ที่ติดไฟได้ที่มีพื้นที่ต่อเนื่องติดต่อกันตั้งแต่ 1,000 ตร.ม. ขึ้นไป ต้องติดตั้งระบบดับเพลิงอัตโนมัติ 3.สถานที่จัดเก็บวัตถุไวไฟที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 14 ตารางเมตรขึ้นไป ต้องติดตั้งระบบดับเพลิงอัตโนมัติ เป็นต้น