นางสุทธศรี วงษ์สมาน เลขาธิการสภาการศึกษา อดีตปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงการถูกโยกย้ายจากตำแหน่งปลัดศธ.ไปเป็นเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ว่า เป็นข้าราชการไปอยู่ที่ไหนก็ได้ ไปเป็นเลขาธิการสภาการศึกษาก็ยังอยู่กระทรวงศึกษาธิการเหมือนกัน ซึ่งตนก็ทำงานอยู่ที่สภาการศึกษามาตั้งแต่ต้น เข้าใจงานของสภาการศึกษาเป็นอย่างดี ซึ่งเหลือเวลาอีก 5 เดือนก่อนที่จะเกษียณอายุราชการก็จะไปสานต่อเรื่องการปฏิรูปการศึกษา ส่วนปลัดกระทรวงศึกษาธิการคนใหม่ เป็นคนมีความสามารถ และยังมีอายุราชการอีก 1 ปีครึ่งก็น่าจะมาช่วยขับเคลื่อนนโยบายของรัฐมนตรีได้
“ที่ผ่านมาก็คิดอยู่ว่า ภายในเดือนเม.ย.นี้น่าจะมีการโยกย้ายระดับ 10-11 ซึ่งก็รอดูอยู่ว่าจะมีชื่อของตัวเองหรือไม่ เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็พร้อมที่จะไปทำงานที่สภาการศึกษาซึ่งเป็นงานที่ทำมาตั้งแต่ต้น”นางสุทธศรี กล่าว
ด้านนายพินิติ รตะนานุกูล เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) อดีตเลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวว่า ไม่เคยทราบมาก่อน ซึ่ง รมว.ศึกษาธิการก็ไม่เคยบอกหรือเรียกไปคุยเลย การที่ให้ตนไปเป็นเลขาธิการ กกอ.ก็เป็นการกลับไปทำงานที่เดิม ไม่หนักใจอะไร ส่วนนางสุทธศรีที่มาเป็นเลขาธิการสภาการศึกษาก็ถือเป็นลูกหม้อที่น่าจะรู้งานของสภาการศึกษาเป็นอย่างดี และขณะนี้การปฏิรูปการศึกษาก็มีความคืบหน้าไปมากแล้วคิดว่าน่าจะสานต่องานได้เลย
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 17 เม.ย. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ลงประกาศคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ 6/2558 เรื่อง การกําหนดตําแหน่งเพิ่มและการแต่งตั้งข้าราชการให้ดํารงตําแหน่ง เพื่อให้การปฏิรูปการศึกษาและการบริหารราชการในกระทรวงศึกษาธิการมีประสิทธิภาพและมีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับแนวทางการปฏิรูปประเทศตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคสช.โดยความเห็นชอบของคสช.มีคําสั่งดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้นางสุทธศรี วงษ์สมาน พ้นจากตําแหน่งปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และให้ดํารงตําแหน่ง เลขาธิการสภาการศึกษา
ข้อ 2 ให้นายพินิติ รตะนานุกูล พ้นจากตําแหน่งเลขาธิการสภาการศึกษา และให้ดํารงตําแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา
ข้อ 3 ให้นายกําจร ตติยกวี พ้นจากตําแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา และให้ดํารงตําแหน่งปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
ข้อ 4 ให้นายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร พ้นจากตําแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และให้ดํารงตําแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ
ข้อ 5 ให้นายอดินันท์ ปากบารา พ้นจากตําแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการและให้ดํารงตําแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
ข้อ 6 ให้นางรัตนา ศรีเหรัญ พ้นจากตําแหน่ง รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และให้ดํารงตําแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ข้อ 7 ให้ข้าราชการซึ่งดํารงตําแหน่งข้างต้นปฏิบัติหน้าที่ตามตําแหน่งตั้งแต่วันที่คําสั่งนี้ ใช้บังคับเป็นต้นไป
ข้อ 8 ให้สํานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สํานักงบประมาณ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดําเนินการเกี่ยวกับตําแหน่งและอัตราเงินเดือนของข้าราชการดังกล่าวให้เรียบร้อยโดยด่วนและให้นายกรัฐมนตรีนําความกราบบังคมทูลเพื่อทรงแต่งตั้งข้าราชการให้ดํารงตําแหน่งหรือพ้นจากตําแหน่งตามคําสั่งนี้ ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา 24 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557
ข้อ 9 คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 16 เม.ย. 2558
“ที่ผ่านมาก็คิดอยู่ว่า ภายในเดือนเม.ย.นี้น่าจะมีการโยกย้ายระดับ 10-11 ซึ่งก็รอดูอยู่ว่าจะมีชื่อของตัวเองหรือไม่ เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็พร้อมที่จะไปทำงานที่สภาการศึกษาซึ่งเป็นงานที่ทำมาตั้งแต่ต้น”นางสุทธศรี กล่าว
ด้านนายพินิติ รตะนานุกูล เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) อดีตเลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวว่า ไม่เคยทราบมาก่อน ซึ่ง รมว.ศึกษาธิการก็ไม่เคยบอกหรือเรียกไปคุยเลย การที่ให้ตนไปเป็นเลขาธิการ กกอ.ก็เป็นการกลับไปทำงานที่เดิม ไม่หนักใจอะไร ส่วนนางสุทธศรีที่มาเป็นเลขาธิการสภาการศึกษาก็ถือเป็นลูกหม้อที่น่าจะรู้งานของสภาการศึกษาเป็นอย่างดี และขณะนี้การปฏิรูปการศึกษาก็มีความคืบหน้าไปมากแล้วคิดว่าน่าจะสานต่องานได้เลย
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 17 เม.ย. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ลงประกาศคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ 6/2558 เรื่อง การกําหนดตําแหน่งเพิ่มและการแต่งตั้งข้าราชการให้ดํารงตําแหน่ง เพื่อให้การปฏิรูปการศึกษาและการบริหารราชการในกระทรวงศึกษาธิการมีประสิทธิภาพและมีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับแนวทางการปฏิรูปประเทศตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคสช.โดยความเห็นชอบของคสช.มีคําสั่งดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้นางสุทธศรี วงษ์สมาน พ้นจากตําแหน่งปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และให้ดํารงตําแหน่ง เลขาธิการสภาการศึกษา
ข้อ 2 ให้นายพินิติ รตะนานุกูล พ้นจากตําแหน่งเลขาธิการสภาการศึกษา และให้ดํารงตําแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา
ข้อ 3 ให้นายกําจร ตติยกวี พ้นจากตําแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา และให้ดํารงตําแหน่งปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
ข้อ 4 ให้นายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร พ้นจากตําแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และให้ดํารงตําแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ
ข้อ 5 ให้นายอดินันท์ ปากบารา พ้นจากตําแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการและให้ดํารงตําแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
ข้อ 6 ให้นางรัตนา ศรีเหรัญ พ้นจากตําแหน่ง รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และให้ดํารงตําแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ข้อ 7 ให้ข้าราชการซึ่งดํารงตําแหน่งข้างต้นปฏิบัติหน้าที่ตามตําแหน่งตั้งแต่วันที่คําสั่งนี้ ใช้บังคับเป็นต้นไป
ข้อ 8 ให้สํานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สํานักงบประมาณ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดําเนินการเกี่ยวกับตําแหน่งและอัตราเงินเดือนของข้าราชการดังกล่าวให้เรียบร้อยโดยด่วนและให้นายกรัฐมนตรีนําความกราบบังคมทูลเพื่อทรงแต่งตั้งข้าราชการให้ดํารงตําแหน่งหรือพ้นจากตําแหน่งตามคําสั่งนี้ ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา 24 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557
ข้อ 9 คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 16 เม.ย. 2558